16 เมษายน 2563

เมื่อพายุพัดมา – When storm coming. โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต

เมื่อพายุพัดมา  
When storm coming. 
โดย บัณฑิต ดาแว่น 

เมื่อวานตอนเย็นเกิดลมแรงพัดผ่านมา  เป็นพายุฤดูแล้งที่เคยเกิดขึ้นทุกปี  แต่ครั้งนี้ดูเหมือนรุนแรงพอสมควร  เสียงดังหวีดหวิว ทั้งจากจากใบไม้ที่พัดปลิว กิ่งที่ไหวเอนอย่างรุนแรง อีกทั้งเสียงโครมครามจากหลังคาบ้านมันดังเสียดเข้าไปข้างใน  จนรู้สึกถึงความกลัวและกังวลในหัวใจตัวเอง ยิ่งออกไปจดจ้องอยู่กับหลังคาหลังบ้านที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะแรงอัดของลมที่เหมือนมันจะหอบออกไปทั้งหมด 
ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกอย่างสงบลงในระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง  จากนั้นออกสำรวจคร่าวๆ ตามรอบบ้านและสวนหลังบ้าน  พบว่ามีบางส่วนเสียหายเล็กน้อย ใบไม้เกลื่อนกลาด ลูกมะม่วง ชมพู่ ที่อยู่ในช่วงออกผลดกในปีนี้ ผลกำลังโต รสชาติอยู่ระหว่างเปรี้ยวอมหวาน หล่นเรียงรายตามใต้ต้น  ผมขอบคุณพระเจ้าในใจที่ทรงตอบคำอธิษฐานให้ลมแรงนั้นพัดผ่านโดยไม่ต้องเสียหายอะไรมาก  ส่วนผลไม้ที่ร่วงหล่นจากแรงลมนั้นเรายังเก็บไว้กินได้อีกหลายวัน เสียดายที่ไม่สามารถแจกจ่ายกับเพื่อนฝูงอย่างที่ตั้งใจ เพราะยังอยู่ในช่วงเว้นระยะห่างทางสังคม และหลบลี้หนีให้ไกลจากเจ้าโควิค-19
เมื่อพายุพัดผ่าน สัญญาณแห่งพระพรมาถึงชีวิตได้เช่นกัน  ผลไม้ที่หล่นตามพื้น ผมยืนนึกถึงพระพรจากฟ้าสวรรค์ที่ประทานมานาแก่ชาวอิสราเอล ครั้งที่ต้องออกจากการเป็นทาส ด้วยการอพยพครั้งใหญ่และต้องอาศัยอยู่กลางทะเลทราย  พวกเขาต้องเผชิญพายุร้ายที่หอบทรายมาปกคลุมครั้งแล้วครั้งเล่า  หลายครั้งคิดถึงข้าวปลาอาหารที่เคยรับประทานเมื่อยังทำงานในอียิปต์ แต่อาหารเหล่านั้นแม้จะเลิศรสเพียงใด หรือจะสู้ชีวิตที่เป็นไทในการดูแลของพระเจ้าด้วยมานาประจำวันที่มาอย่างสม่ำเสมอและยังเมตตาให้มีกินได้ถึงวันที่เจ็ดที่ต้องเป็นวันหยุดพักและขอบพระคุณ
ช่วงเวลาที่พายุแรงกล้าพัดผ่านมานั้น มันน่ากลัว แต่ว่าพระเจ้ายังสำแดงพระคุณแก่ชีวิตของเราได้เสมอ  พระเยซูคริสต์ทรงสถิตอยู่กับสาวกของพระองค์ในยามที่พวกเขาต้องเผชิญกับพายุกลางทะเล  ช่วงเวลานั้นสาวกหวาดกลัว และมองไม่เห็นทางรอด  แต่เมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ(อย่างรนราน)ในขณะที่พระเยซูกลับหลับสนิทอยู่ในเรือ  พวกเขาตะโกนฝ่าเสียงพายุว่า  “อาจารย์ช่วยพวกเราด้วย พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้ว” จากนั้นพระเยซูลุกขึ้นและพูดกับพวกเขาว่า 
 “เหตุไฉนจึงขลาดนัก   ช่างมีศรัทธาน้อยเสียจริง ๆ”   แล้วพระองค์ทรงลุกขึ้นห้ามลมและทะเล   คลื่นลมก็สงบเงียบทั่วไป -Matthew 8:26
พระเยซูทรงห้ามพายุร้ายนั้นให้สงบอย่างฉับพลัน จนคนทั้งหลายต่างอัศจรรย์ใจว่าพระองค์เป็นใครแม้แต่คลื่นลมและทะเลยังเชื่อฟังท่าน 
คำเตือนที่เจือด้วยความเมตตามาถึงชีวิตเราทุกวันนี้ด้วยว่า  “ทำไมถึงกลัวและขาดความเชื่อเช่นนี้”
วันนี้พวกเรากำลังเผชิญพายุแห่งชีวิตที่มีชื่อว่า โรคระบาดโควิด-19  มันพัดพาเงาแห่งความตายมาสู่ผู้คนทั่วโลก  ดูเหมือนยังไม่รู้ว่าจะรอดไปได้อย่างไร 
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เรายังมีพระเยซูอยู่ในชีวิตหรือไม่ ?  
ความเชื่อของเรายังอยู่ด้วยหรือไม่ ? 
แน่นอนเราต่างมีความกลัว หลายคนรวมทั้งผมด้วยได้รับผลกระทบจากการต้องกักตัวกันอยู่ที่บ้านเพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อร้าย ขาดงาน ขาดรายได้ หลายคนเริ่มขาดอาหาร(ที่เคยกิน) 
พระเยซูอยู่ที่ไหนในเวลาเช่นนี้ ? 
บทเรียนที่ผมได้รับจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นอีกประการคือ
ในท่ามกลางพายุนั้นพระเจ้ายังประทาน “สันติสุขที่เกินความเข้าใจ” ให้แก่ชีวิตของเราได้  แม้ผมจะพยายามเก็บข้าวของไว้ในที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายคงไม่อาจควบคุมทุกอย่างได้ สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดคืออธิษฐานภาวนาหาพระเจ้าขอการปกป้องคุ้มครองจากพระองค์  เมื่อหวนคิดและทำเช่นนั้นแล้ว ทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคง มั่นใจ และได้รับความสุขลึกๆในใจว่า พระเจ้ายังทรงควบคุมสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นะ  ผมเข้าใจพระคำของพระเจ้าได้ลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเหตุการณ์ปกติที่อ่านถ้อยคำเหล่านี้ที่สอนว่า
...องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใด ๆเลย   แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า   ด้วยการอธิษฐาน   การวิงวอน   กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ   จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์ -Philippians 4:5-8
ขอพระเจ้าเมตตาเราทั้งหลายให้มีความเชื่อมั่นเสมอ มองให้เห็นพระพรที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางปัญหา รวมทั้งเข้าใจและมีประสบการณ์กับสันติสุขที่เกินความเข้าใจ ในท่ามกลางสถานการณ์เรื่องร้ายที่กำลังคุกคามอยู่ในเวลานี้ด้วยเทอญ
ขอพระเยซูคริสต์โปรดช่วยชีวิตข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดพ้นจากอันตราย  และได้อยู่ในการดูแลของพระองค์เสมอ 
ขอทรงรักษาข้าพระองค์ดังแก้วตา  
 ทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ภายใต้ร่มปีกของพระองค์
  - Psalms 17:8
เมื่อพายุพัดมาและฟ้าคำราม ขอทรงซ่อนข้าไว้ในใต้ร่มปีกแห่งพระคุณของพระองค์สืบไป  ขอโปรดให้บรรดาประชาชาติรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้มีชัยชนะเหนือสิ่งชั่วร้ายและความตาย  ผู้ทรงมีอำนาจควบคุมทุกสิ่งด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ได้

ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า...อาเมน
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)