01 เมษายน 2563

เรียนรู้ชีวิตจากต้นไม้ผลัดใบ – Learning from Tree shed leaves. โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต
เรียนรู้ชีวิตจากต้นไม้ผลัดใบ – Learning from Tree shed leaves.
โดย บัณฑิต ดาแว่น 

เช้านี้ออกไปเดินรอบ ๆ บ้านดูต้นไม้หลายต้นที่ปลูกไว้ประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา (ส่วนใหญ่ภรรยาผมจะปลูกและดูแล)  ต้นไม้ทุกต้น แม้แต่หญ้าทุกเส้นในบริเวณรั้วของเราอยู่ในสายตาเสมอ เห็นการพัฒนาจากเล็กจนใหญ่ ให้ดอกให้ผลตามฤดูกาลอย่างอัศจรรย์  บางต้นกินใบ บางต้นกินดอก บางต้นกินผล บางต้นไว้ประดับ บางต้นให้ร่วมเงา บางต้นล้มลุก บางต้นยืนต้น  ส่วนรดชาติของผลและใบก็ต่างกันไป เช่น ขม เผ็ด เปรี้ยว หวาน ฝาด เป็นต้น
เป็นความสุข ความเพลิดเพลินและผ่อนคลาย เมื่อเดินอธิษฐานรอบ ๆ สวน พร้อมทั้งฉีดสายยางรดน้ำต้นไม้  มีบางคนแนะนำว่า น่าจะวางระบบน้ำให้ต้นไม้แต่ละต้นไม่ต้องเสียเวลารดน้ำเอง  แต่เรากลับเห็นว่า นี่เป็นโอกาสที่จะใช้เวลากับพระเจ้าผ่านทางการดูแลสวน  ดูเหมือนเสียเวลาสำหรับบางคน แต่สำหรับเรานี่คือเวลาพิเศษที่มีค่ายิ่ง
ช่วงฤดูแล้งอย่างนี้  มีต้นไม้บางคนที่ผลัดใบ  แต่บางต้นยังเขียวชอุ่ม  ซึ่งเป็นไปตามแต่ละชนิด  เช้านี้ผมมองดูต้นไม้ที่ผลัดใบเหลือแต่ต้นและกิ่งก้าน  หากมองภายนอกเหมือนว่ามันตายแล้ว แต่แท้จริงมันยังมีชีวิต เพียงแค่รอคอยเวลา และกำลังมองหาน้ำฝนจากเบื้องบนหล่นลงมาเพื่อให้มันผลิดอก ออกใบอีกครั้งตามช่วงเวลา  จากระบบของต้นไม้บางชนิดที่มีวัฏจักรเช่นนี้ ทำให้มีเกษตรกรหลายคนเรียนรู้และบังคับให้มันออกผลนอกฤดูและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ  แต่สำหรับผมคงไม่ไปถึงขนาดนั้น เพียงแค่ปลูกในสิ่งที่กินได้ และชื่นชมในสิ่งที่มีก็นำความสุขและพึงพอใจในระดับหนึ่งแล้ว

บทเรียนจากต้นไม้ที่ไร้ใบในช่วงฤดูแล้ง สอนให้ผมมีความเชื่อและความหวังใจในพระเจ้า  บางครั้งชีวิตของเราก็อยู่ในช่วงเวลาของความแห้งแล้ง  ดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบาก แต่ความจริงแล้ว พระเจ้าให้เวลาที่เราจะเกิดดอกออกผลที่ดีในเวลาอีกไม่นานต่างหาก  เพราะหากไม้ผลและไม้ดอกที่ได้น้ำตลอดเวลามันก็จะมีแต่ใบไม่มีผลไม่มีดอกให้เราเลย  ดังนั้น ช่วงเลาของการผลัดใบ ช่วงเวลาแห่งความแห้งแล้ง  ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับชีวิตของเราเสมอ  เพราะนี่เป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยมของพระผู้สร้าง
พระเจ้าทรงนำชนชาติอิสราเอลเดินข้ามทะเลทราย พวกเขาต้องเผชิญกับความแห้งแล้ง ขาดแคลน  ไม่ใช่เพื่อต้องการทำลาย แต่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้พวกเขา  ตลอดหลายสิบปีที่ต้องเดินวนเวียนกลางทะเลทราย เป็นเพราะเขายังไม่เรียนรู้แบบแผนการนำของพระเจ้า ความคิดพวกเขายังวนเวียนอยู่กับความคุ้นเคยบางอย่างในอียิปต์ทั้ง ๆที่นั่นคือความเป็น “ทาส”  แต่กลับลืมพระพรอันยิ่งใหญ่ที่ว่าพระเจ้าปลดปล่อยเขาไป “อิสระ” แล้ว !  เขาจำเป็นต้องเรียนรู้การเป็นอิสระกลางทะเลทรายดียิ่งกว่าการเป็นทาสในอียิปต์  กินอาหารที่คุ้นชินในยามเป็นทาส ยังไม่เท่ากับกับการกินมานาจากสวรรค์ แต่พวกเขากลับมองเห็นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย นี่คืออันตรายในชีวิต !!
พระเยซูคริสต์ มีสิทธิ์และอำนาจที่จะทำก้อนหินให้เป็นขนมปัง เพื่อจะกินแก้กระหายที่ต้องอยู่กลางทะเลทรายและอดอาหารมานานนับสี่สิบวัน  แต่การทำอย่างนั้นเท่ากับการยอมมอบชีวิตและสิทธิทั้งหมดให้เป็นทาสของมาร  พระองค์ยอมอดอาหารฝ่ายกาย เพื่อจะได้กินอาหารฝ่ายวิญญาณคือพระวจนะทุกคำจากพระโอษฐ์(ปาก) ของพระเจ้า  นี่คือชัยชนะที่พระองค์ทรงทำเพื่อเป็นแบบอย่าง และยังคงเป็นชัยชนะที่ยั่งยืนตลอดไป

อาจารย์เปาโลให้หลักคิดไว้ว่า
...เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ   ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป   แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน เพราะว่าการทุกข์ยากเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา (ฉบับ TSV บอกว่า เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา)  ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น   จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้ เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่   แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น   เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน   แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์ (II Corinthians 4:16-18)

กษัตริย์ดาวิดได้เรียนรู้ถึงความเมตตาจากพระเจ้า
...เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง  
 และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต  
 การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง  
 แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า
   (Psalms 30:5)

พระเจ้าทรงให้มีฤดูกาลและวาระเวลาของแต่ละอย่างเพื่อให้มนุษย์แสวงหาพระองค์

มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง   และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์...พระองค์ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน พระองค์ทรงบรรจุนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์   แต่มนุษย์ยังมองไม่เห็นว่า   พระเจ้าทรงกระทำอะไรไว้ตั้งแต่ปฐมกาลจนกาลสุดปลาย (Ecclesiastes 3:1,11)

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรให้มีท่าทีดังคำอธิษฐานของฮาบากุก
...แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน  
หรือเถาองุ่นไม่มีผล  
ผลมะกอกเทศก็ขาดไป  
ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร 
ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก  
และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง  
 
ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า  
 ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า  
 พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า  
 พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย  
 พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูง ทั้งหลายของข้าพเจ้า
   (Habakkuk 3:17-19)

ขอให้รอคอยเวลาและความรักเมตตาของพระเจ้าต่อไปเพราะ...
...ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง  
 และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด  
เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า  
 ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
   (Lamentations 3:22-23)

เราอยู่ในช่วงเวลาต้นไม้ผลัดใบ ที่รอวันเกิดดอกออกผลตามฤดูกาลของพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของสวนที่แท้จริง  พระองค์มอบหมายให้เราดูแลสวน จึงต้องรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่อย่างสัตย์ซื่อ  โดยเชื่อมั่นเสมอว่าพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งสวนของพระองค์แน่นอน

อาเมนนะครับ !!