คิดอย่างบัณฑิต
เรียนรู้ชีวิตจากต้นไม้ผลัดใบ – Learning from Tree
shed leaves.
โดย
บัณฑิต ดาแว่น
เช้านี้ออกไปเดินรอบ ๆ บ้านดูต้นไม้หลายต้นที่ปลูกไว้ประมาณ
5 ปี ที่ผ่านมา (ส่วนใหญ่ภรรยาผมจะปลูกและดูแล)
ต้นไม้ทุกต้น แม้แต่หญ้าทุกเส้นในบริเวณรั้วของเราอยู่ในสายตาเสมอ
เห็นการพัฒนาจากเล็กจนใหญ่ ให้ดอกให้ผลตามฤดูกาลอย่างอัศจรรย์ บางต้นกินใบ บางต้นกินดอก บางต้นกินผล บางต้นไว้ประดับ
บางต้นให้ร่วมเงา บางต้นล้มลุก บางต้นยืนต้น
ส่วนรดชาติของผลและใบก็ต่างกันไป เช่น ขม เผ็ด เปรี้ยว หวาน ฝาด เป็นต้น
เป็นความสุข ความเพลิดเพลินและผ่อนคลาย
เมื่อเดินอธิษฐานรอบ ๆ สวน พร้อมทั้งฉีดสายยางรดน้ำต้นไม้ มีบางคนแนะนำว่า
น่าจะวางระบบน้ำให้ต้นไม้แต่ละต้นไม่ต้องเสียเวลารดน้ำเอง แต่เรากลับเห็นว่า นี่เป็นโอกาสที่จะใช้เวลากับพระเจ้าผ่านทางการดูแลสวน ดูเหมือนเสียเวลาสำหรับบางคน แต่สำหรับเรานี่คือเวลาพิเศษที่มีค่ายิ่ง
ช่วงฤดูแล้งอย่างนี้ มีต้นไม้บางคนที่ผลัดใบ แต่บางต้นยังเขียวชอุ่ม ซึ่งเป็นไปตามแต่ละชนิด
เช้านี้ผมมองดูต้นไม้ที่ผลัดใบเหลือแต่ต้นและกิ่งก้าน หากมองภายนอกเหมือนว่ามันตายแล้ว
แต่แท้จริงมันยังมีชีวิต เพียงแค่รอคอยเวลา และกำลังมองหาน้ำฝนจากเบื้องบนหล่นลงมาเพื่อให้มันผลิดอก
ออกใบอีกครั้งตามช่วงเวลา
จากระบบของต้นไม้บางชนิดที่มีวัฏจักรเช่นนี้ ทำให้มีเกษตรกรหลายคนเรียนรู้และบังคับให้มันออกผลนอกฤดูและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่สำหรับผมคงไม่ไปถึงขนาดนั้น
เพียงแค่ปลูกในสิ่งที่กินได้
และชื่นชมในสิ่งที่มีก็นำความสุขและพึงพอใจในระดับหนึ่งแล้ว
บทเรียนจากต้นไม้ที่ไร้ใบในช่วงฤดูแล้ง
สอนให้ผมมีความเชื่อและความหวังใจในพระเจ้า
บางครั้งชีวิตของเราก็อยู่ในช่วงเวลาของความแห้งแล้ง ดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบาก
แต่ความจริงแล้ว พระเจ้าให้เวลาที่เราจะเกิดดอกออกผลที่ดีในเวลาอีกไม่นานต่างหาก เพราะหากไม้ผลและไม้ดอกที่ได้น้ำตลอดเวลามันก็จะมีแต่ใบไม่มีผลไม่มีดอกให้เราเลย ดังนั้น ช่วงเลาของการผลัดใบ
ช่วงเวลาแห่งความแห้งแล้ง
ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับชีวิตของเราเสมอ เพราะนี่เป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยมของพระผู้สร้าง
พระเจ้าทรงนำชนชาติอิสราเอลเดินข้ามทะเลทราย
พวกเขาต้องเผชิญกับความแห้งแล้ง ขาดแคลน
ไม่ใช่เพื่อต้องการทำลาย แต่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้พวกเขา ตลอดหลายสิบปีที่ต้องเดินวนเวียนกลางทะเลทราย
เป็นเพราะเขายังไม่เรียนรู้แบบแผนการนำของพระเจ้า ความคิดพวกเขายังวนเวียนอยู่กับความคุ้นเคยบางอย่างในอียิปต์ทั้ง
ๆที่นั่นคือความเป็น “ทาส” แต่กลับลืมพระพรอันยิ่งใหญ่ที่ว่าพระเจ้าปลดปล่อยเขาไป
“อิสระ” แล้ว !
เขาจำเป็นต้องเรียนรู้การเป็นอิสระกลางทะเลทรายดียิ่งกว่าการเป็นทาสในอียิปต์ กินอาหารที่คุ้นชินในยามเป็นทาส ยังไม่เท่ากับกับการกินมานาจากสวรรค์
แต่พวกเขากลับมองเห็นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย นี่คืออันตรายในชีวิต !!
พระเยซูคริสต์ มีสิทธิ์และอำนาจที่จะทำก้อนหินให้เป็นขนมปัง
เพื่อจะกินแก้กระหายที่ต้องอยู่กลางทะเลทรายและอดอาหารมานานนับสี่สิบวัน
แต่การทำอย่างนั้นเท่ากับการยอมมอบชีวิตและสิทธิทั้งหมดให้เป็นทาสของมาร พระองค์ยอมอดอาหารฝ่ายกาย
เพื่อจะได้กินอาหารฝ่ายวิญญาณคือพระวจนะทุกคำจากพระโอษฐ์(ปาก) ของพระเจ้า นี่คือชัยชนะที่พระองค์ทรงทำเพื่อเป็นแบบอย่าง
และยังคงเป็นชัยชนะที่ยั่งยืนตลอดไป
อาจารย์เปาโลให้หลักคิดไว้ว่า
...เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
เพราะว่าการทุกข์ยากเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา (ฉบับ TSV บอกว่า เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา) ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้
เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น
เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์ (II
Corinthians 4:16-18)
กษัตริย์ดาวิดได้เรียนรู้ถึงความเมตตาจากพระเจ้า
...เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง
และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต
การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง
แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า (Psalms 30:5)
และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต
การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง
แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า (Psalms 30:5)
พระเจ้าทรงให้มีฤดูกาลและวาระเวลาของแต่ละอย่างเพื่อให้มนุษย์แสวงหาพระองค์
มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์...พระองค์ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน
พระองค์ทรงบรรจุนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์
แต่มนุษย์ยังมองไม่เห็นว่า
พระเจ้าทรงกระทำอะไรไว้ตั้งแต่ปฐมกาลจนกาลสุดปลาย (Ecclesiastes
3:1,11)
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรให้มีท่าทีดังคำอธิษฐานของฮาบากุก
...แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน
หรือเถาองุ่นไม่มีผล
ผลมะกอกเทศก็ขาดไป
ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร
ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก
และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง
ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า
ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า
พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย
พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูง ทั้งหลายของข้าพเจ้า (Habakkuk 3:17-19)
หรือเถาองุ่นไม่มีผล
ผลมะกอกเทศก็ขาดไป
ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร
ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก
และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง
ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า
ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า
พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย
พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูง ทั้งหลายของข้าพเจ้า (Habakkuk 3:17-19)
ขอให้รอคอยเวลาและความรักเมตตาของพระเจ้าต่อไปเพราะ...
...ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง
และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด
เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า
ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก (Lamentations 3:22-23)
และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด
เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า
ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก (Lamentations 3:22-23)
เราอยู่ในช่วงเวลาต้นไม้ผลัดใบ
ที่รอวันเกิดดอกออกผลตามฤดูกาลของพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของสวนที่แท้จริง พระองค์มอบหมายให้เราดูแลสวน
จึงต้องรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่อย่างสัตย์ซื่อ
โดยเชื่อมั่นเสมอว่าพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งสวนของพระองค์แน่นอน