12 เมษายน 2554

รอคอยด้วยความหวัง โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต โดย บัณฑิต ดาแว่น





รอคอยด้วยความหวัง

เครื่องรับโทรศัพท์ ระบบอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ทั้งแบบตั้งโต๊ะ และโน๊ตบุค ของผมใช้งานไม่ได้ หลังจากที่สายฟ้าฝาดลงมาด้วยเสียงดังสนั่นบริเวณใกล้บ้านประมาณ 3 ทุ่มคืนวันที่ 6 เมษายน 2011 วันรุ่งขึ้นผมรีบติดต่อบริษัทผู้รับผิดชอบทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต เบื้องต้นได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่ Call Center ว่า “จะให้ช่างเข้ามาตรวจสอบให้คะ” โดยขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับจากผมไป แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป... อีก 2 วัน และ 3 วันต่อมาติดตามแล้วแต่ยังเงียบ !.... จะได้รับการแก้ไข เมื่อไหร่ อย่างไรนั้น ยังไม่รู้ ?? สุดท้ายผมต้องติดตามความคืบหน้าอีก กระบวนการจบลงเช่นเดิม คือ “รอก่อนนะคะ” คราวนี้ผมนิ่งเงียบรอไม่ได้แล้ว จึงตอบกลับไป “คำว่ารอที่คุณบอกนั้นมีขอบเขต และระยะเวลายาวนานแค่ไหน ไม่ใช่ผมรอไม่ได้ แต่ผมต้องการรออย่างมีความหวัง มีจุดหมายปลายทาง มากกว่าการต้องรอแบบว่างเปล่า ” เสียงตอบกลับมาว่า “ขณะนี้ช่างกำลังให้บริการลูกค้าคนอื่นอยู่คะ” แล้วมีลูกค้ากี่คนละ ! จะมาถึงคิวผมอีกกี่วัน หากผมรู้สักนิด ความรู้สึกจะเป็นอีกแบบ คือมีความหวังและมีจุดหมาย หากรู้ว่าอีก 5 วัน ผมก็ยินดีรอ แต่นี่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ ?? คำตอบสุดท้ายคือ “หนูไม่รู้คะ” ...อีก 2 วันต่อมาผมจึงได้รับการแก้ไขปัญหา

สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การรอคอยด้วยความหวัง และ การรอคอยด้วยความว่างเปล่านั้น ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ! ขอบคุณพระเจ้าที่การรอคอยของพวกเราที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่การรอคอยด้วยความว่างเปล่า แต่เป็นการรอคอยด้วยความหวัง และมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน เรามั่นใจได้เมื่อพระเยซูตรัสว่า “อย่าให้ใจท่านทั้งหลายวิตกเลย ท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย และท่านรู้จักทางที่เราจะไปนั้น” (ยอห์น 14.1-4) และมีคำมั่นสัญญาอื่นๆ อีกมากมาย ที่ทำให้ผู้เชื่อมั่นใจได้เสมอว่า ไม่ได้รอคอยอย่างสิ้นหวัง แต่เต็มไปด้วยความหวัง และกำลังใจที่จะรอคอยด้วยความชื่นชมยินดี อีกทั้งความหวังที่มีนั้นไม่ใช่ความหวังแบบลมๆแล้ง แต่เป็นความหวังใจที่มีหลักฐานเป็นจริง มั่นคง และเชื่อถือได้ ตัวอย่างจากพระธรรม 1 โครินธิ์บทที่ 15 อาจารย์เปาโลหนุนใจว่าความเชื่อ ความหวังที่เรามีในพระเยซูคริสต์ผู้ลงมาเกิดในโลกนี้โดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญาณ ตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาป เป็นขึ้นมาจากความตายด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ และจะกลับมารับผู้เชื่อไปอยู่กับพระองค์ อีกทั้งจะทรงชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่อย่างพระคริสต์นั้น ความเชื่อ ความหวังเหล่านี้เป็นเรื่องที่มั่นใจได้ เพราะทุกอย่างมีหลักฐาน พยานยืนยันที่เป็นจริง และเชื่อถือได้ ดังความตอนหนึ่งว่า...และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย ถ้าในชีวิตนี้ พวกเราซึ่งอยู่ในพระคริสต์มีแต่ความหวังเท่านั้น เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์เสด็จมา... (1โครินธิ์ 15.17-23)

แม้เราไม่อาจล่วงรู้เรื่องวันเวลาของการกลับมาตามสัญญา หรือแม้แต่ไม่อาจรู้วันเวลาสุดท้ายของชีวิต และโลกนี้ก็ตาม ถึงกระนั้นเรายังมีความหวัง กำลังใจในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ เพราะเป็นการรอคอยด้วยความหวัง หาใช่ความว่างเปล่าไม่ อีกทั้งเป็นการรอคอยด้วยความหวัง ที่ตั้งอยู่บนความจริงที่เชื่อถือได้

ดังนั้น ขอให้เรารอคอยด้วยความชื่นชม และอุดมด้วยความมั่นใจต่อไป แม้เวลาจะสั้นหรือยาวนานก็ไม่ทำให้หวั่นไหว เพราะเราสามารถไว้วางใจในคำสัญญาของพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมได้


อาเมนไหมครับ ?