13 มกราคม 2563

ชีวิตที่ก้าวหน้า - Progression of life. โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต

ชีวิตที่ก้าวหน้า 
Progression of life
โดย บัณฑิต  ดาแว่น
“ย้อมผมมั้ยครับ” เป็นข้อเสนอของช่างแทบทุกครั้งที่เข้าร้านตัดผม  แต่แผนการขายของช่างไม่สำเร็จ ผมยังไม่ยอมจ่ายเงินค่ายาย้อมผมมาหลายปีแล้ว  เมื่อตอนสามสิบต้นๆ เคยให้ควาหวังช่างตัดผมขาประจำว่า หลังอายุสี่สิบถึงจะคิดย้อมผม แต่มาจนบัดนี้ปีที่ห้าสิบต้นๆ แล้ว  ยังยืนยันและยึดมั่นหลักการที่ว่า...ศักดิ์ศรีของคนหนุ่ม  คือกำลังของเขา   แต่ความงามของคนแก่คือผมหงอกของเขา   (Proverbs 20:29)
การที่ใครคนหนึ่งจะได้เห็นผมหงอก  ไม่ใช่ได้มาโดยง่าย  ต้องอาศัยเวลา และการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ถ้าไม่อย่างนั้น คงไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่จนเห็นผมเปลี่ยนสีเป็นแน่ !...  ยิ่งสถานการณ์ของสังคมไทย  มีเหตุที่ทำให้คนต้องจากไปก่อนวันอันควรเยอะแยะ ไม่วาจะเป็น เทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง  ผู้คนต้องล้มตายลงอย่างน่าเศร้าใจนับร้อยนับพันคน  ปีแล้วปีเล่าเราก็ยังไม่สามารถยับยั้งได้  ข่าวสงครามใหญ่ระหว่างประเทศมหาอำนาจที่เขาสาดใส่กันด้วยอาวุธร้ายแรง แต่ความตายยังไม่ได้แซงสถิติของคนไทยในแต่ละเทศกาลเลย  นี่ยังไม่พูดถึงการยิงรันฟันแทงฆ่าแกงกันทั้งแบบตัวต่อตัว แบบยกพวกใส่กัน แบบฆ่าล้างทั้งครอบครัว และการฆาตกรรมตัวเอง ที่นับวันยิ่งมากขึ้นจนน่าเป็นห่วง

ดังนั้น  หากวันนี้คุณยังมีชีวิตอยู่  ยังมีโอกาสเห็นความก้าวหน้าของชีวิตและสังคมรอบข้างอยู่ได้  นอกจากการรู้จักดูแล รักษาชีวิตตามที่ควรจะเป็นแล้ว  ยังถือว่าเป็นพระคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า ผู้ทรงรักห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของคนที่รักและเชื่อฟังพระองค์  เพราะหากไม่ได้รับการปกปักรักษาจากพระเจ้าแล้ว ชีวิตนี้ก็ยากที่จะอยู่ได้ เพราะแม้เราระวังระวังเต็มที่ รอบคอบอย่างสุดกำลัง แต่ยังมีความผิดพลาดของคนอื่นและสิ่งรอบข้างที่อาจทำให้ชีวิตของเราเสียหายได้เช่นกัน  บางคนอาจจะบอกว่าเป็นโชคช่วย หรือดวงดี แต่ผู้ที่มีความศรัทธาในพระเจ้า เราเชื่อว่า  พระเจ้าทรงเมตตาและทรงนำพาจนถึงเวลาอันสมควรต่างหาก  ! 
กษัติรย์ซาโลมอนผู้เขียนสุภาษิตและบทเพลงชาวยิวโบราณสอนว่า...
ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน   บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า   
ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร   คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า 
เป็นการเหนื่อยเปล่า  ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด   นอนดึก   และกระหืดกระหอบกินอาหาร 
 เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์   ให้หลับสบาย  (Psalms 127:1-2)
เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงควบคุมทุกเรื่องราวในชีวิต แต่ขณะเดียวกันทรงให้มีอิสระที่จะเลือกตัดสินใจ  ว่าจะเดินในทางพระองค์หรือตามใจตนเอง สุดท้ายผลแห่งปลายทางจะเป็นดังเหตุที่เลือกนั้น 
สำหรับผู้เชื่อและรักพระเจ้า ทรงให้ความหวังเสมอว่า
...เรา​ทราบ​แล้ว​ว่า​เหตุการณ์​ทุก​อย่าง​ที่​เกิด​ขึ้น พระเจ้า​ทรง​บันดาล​ให้​เป็น​ผล​ดี​แก่​ผู้​ที่​รัก​พระองค์ คือ​ผู้​ที่​พระองค์​ทรง​เรียก​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์ (Romans 8:28 TSV)

ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่และได้เห็นความก้าวหน้าหลายอย่างในชีวิต  แม้อาจไม่เป็นดังใจคิด แต่ชีวิตยังมีอยู่และยังมีโอกาสที่จะพัฒนา ไขว่คว้า ด้วยความเชื่อ ความหวัง และความรักที่ยังมีอยู่ในพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นการดีไว้ในชีวิตตั้งแต่ก่อนเริ่มสร้างโลก และจะทรงรักษาซึ่งทรงสัญญาไว้จนถึงวันสุดท้ายได้อย่างแน่นอน (1คร.13.13,ฟป.1.6,อฟ.1.4-5,2ทธ.1.12)
จากเด็กจนโต จากหนุ่มจนแก่ จากผมสีดำ จนย้ำว่าขาวทั้งศีรษะแล้วนะ แม้อาจจะไม่สมดังใจปองไปเสียทั้งหมด แต่ยังเห็นอนาคต ยังไม่หมดความหวัง และยังคงตั้งใจเสมอว่า  ชีวิตนี้ที่ได้รู้จักพระเจ้าเราก็เป็นสุขใจในทุกเวลา แม้ว่าสภาพภายนอกหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่ภายในจิตใจยังสดใสและใหม่อยู่เสมอด้วยความรักมั่นคงที่ดำรงเป็นนิตย์ (2คร.4.16, พคค.3.22-23)...
คุณเคยคิดอย่างผม(บัณฑิต)มั้ยครับ !!

(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)

07 มกราคม 2563

ตราบที่ยังหายใจ จงใช้ชีวิตเพื่อการสรรเสริญ ​​​​​​​​Let everything that has breath praise the Lord! โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต
ตราบที่ยังหายใจ  จงใช้ชีวิตเพื่อการสรรเสริญ
​​​​​​​​Let everything that has breath praise the Lord!
โดย บัณฑิต  ดาแว่น

ปี 2020  ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้ว  ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ !
การมีชีวิตอยู่ ถือเป็นพรอันล้ำค่า  หากยังสามารถหายใจเข้าออกได้ เป็นความรักเมตตาจากพระเจ้าผู้ทรงให้ฝนตกและแดดออกทั้งคนชั่วและคนดีโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง (มัทธิว 5.45)
ดังนั้น ตราบที่ยังมีลมหายใจ  จงใช้ชีวิตในการสรรเสริญ นมัสการ และขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ
พระธรรมสดุดีบทที่ 150 เริ่มต้นด้วยคำว่า “จงสรรเสริญพระเจ้า”  และ สุดท้ายด้วยคำว่า “จงสรรเสริญพระเจ้า”   ในภาษาฮีบรู คือคำว่า “ฮาเลลูยาห์”
“ฮาเลลูยาห์” (Hallelujah) เป็นคำที่ใช้ยกย่องสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงพระนามว่า พระยาเวห์ คือ พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ที่สำแดงและตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็น ผู้ซึ่ง เราเป็น”  I AM who I AM. 
พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า   “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น”   แล้วพระองค์ตรัสว่า  “ไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า   'พระองค์ผู้ทรงพระนามว่าเราเป็น[ หรือ  “เราอยู่  (ด้วย)”   ดูข้อ  12 ]    ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย' พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสอีกว่า   “เจ้าจงกล่าวแก่ประชากรอิสราเอลว่า ดังนี้'พระเยโฮวาห์[ ในที่นี้เข้าใจกันว่า   แปลว่า  “พระองค์ทรงเป็น”   หรือ  “พระองค์ทรงอยู่” ]    พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน   คือพระเจ้าของอับราฮัม   พระเจ้าของอิสอัค   และพระเจ้าของยาโคบ   ทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาหาท่าน'   นี่แหละเป็นนามของเราตลอดไปเป็นนิตย์   นี่แหละเป็นอนุสรณ์ของเราตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์  Exodus 3:14-15
 “พระยาเวห์ ทรงเป็นพระเจ้า ของอับราฮัม อิศอัค และยาโคบ”  หมายถึงทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น และมีตัวตนอยู่จริง ๆ  
ผมมีโอกาสไปเยี่ยมวิหารที่เมืองเฮโบรน( Hebron)  ประเทศอิสราเอล เป็นวิหารใหญ่ตระหง่านตา อยู่ทางตอนใต้ของเยรูซาเล็มประมาณสามสิบสองกิโลเมตร  สร้างขึ้นเพื่อครอบหลุมฝังศพของบรรพบุรุษบุคคลสำคัญของชาวยิว คือ ฮับราฮัมและซาราห์  อิสอัคและ เรเบคาห์ ยาโคบและเรอาห์  เป็นถ้ำและที่นามัค-เปลาห์ ที่อับราฮัมซื้อจากคนฮิตไทต์เพื่อฝังศพนางซาราห์ และต่อมาก็ตัวท่านเอง และลูกหลาน  (ปฐก.23, 25.7-11, 49.29-32)  และสถานที่นี่เองที่ดาวิด มาแสดงตัวเป็นกษัตริย์และใช้เป็นเมืองหลวงในการปกครองช่วงแรกอยู่ที่นี่ถึงเจ็ดปีครึ่ง (2ซมอ.5.1-5)
ณ เมืองเฮโบรน Hebron ที่ฝังศพ(กระดูก)คนของพระเจ้าน่าคิดว่า He - Bron พ้องเสียงกับคำว่า Bone:กระดูก หากใช้เสียงและเล่นคำ  “เฮ..โบรน”!!  ( He…Bone !! )คือกระดูกโห่ร้อง เฮ !  คือยังมีชีวิตอยู่... ทำให้คิดถึงพระธรรมเอเสเคียลบทที่ 37 บันทึกเหตการณ์ที่พระเจ้าชุบกระดูกแห้งให้เป็นชีวิตขึ้นมาได้
ผู้ที่เชื่อในพระเจ้า  แม้ว่าพวกเขาตายไปแล้ว แต่จะยังมีชีวิตอยู่  เพราะทรงเป็นพระเจ้าแห่งชีวิต เป็นผู้ทรงพระชนม์อยู่เสมอ  พระคัมภีร์ทั้งพันธสัญญาเดิมและใหม่ยืนยันเสมอ “ทรงเป็นพระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ” หมายถึงทั้งพระเจ้าและคนของพระองค์นั้นยังมีชีวิตอยู่เสมอ (อพย.2.ยน.กจ.3,7)
พระเยซูคริสต์ยืนยันว่าพระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่... เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม   พระเจ้าของอิสอัค   และพระเจ้าของยาโคบ'   พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าของคนตาย   แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น” (Matthew 22:32)  และยังตรัสอีกในเหตุการณ์ช่วยให้ลาซารัสฟื้นขึ้นจากตายว่า... เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก (ยน.11.25)
ดังนั้น เรากำลังสรรเสริญ นมัสการ ขอบพระคุณพระเจ้าที่มีอยู่จริง...ฮาเลลูยาห์...อาเมน !!
เรามีชีวิตและหายใจด้วยลมปราณแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า ที่ประทานให้ตั้งแต่การสร้างมนุษย์คนแรก พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า...พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน  ระบายลมปราณเข้าทางจมูก   มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต   (Genesis 2:7)  และด้วยลมปราณแห่งพระวิญญาณของพระเจ้านี่เอง ทำให้คนเราติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าได้  ตามแนวทางที่ทรงให้ไว้ว่า ผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้อง ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และทรงแสวงหาคนเช่นนั้นที่นมัสการพระองค์(ยอห์น 4.23-24)
แล้วคุณกำลังหายใจเข้าออกอยู่เพื่ออะไร ?
พระธรรมสดุดี ช่วยให้เห็นถึงพระประสงค์ของพระเจ้า  “จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า”
สดุดี บทที่ 1  เริ่มต้นให้เห็นภาพสองทาง คือ ทางแห่งคนชอบธรรม ที่ปลายทางของเขาจะได้อยู่กับพระเจ้า และ ทางของคนอธรรม ที่ปลายของเขาจะพินาศไป
สดุดี บทที่ 150 บทสุดท้ายสรุปให้เห็นว่า คนที่มีชีวิตอยู่จะทำหน้าที่ นมัสการ สรรเสริญ และขอบพระคุณพระเจ้า
คงไม่มีอะไรที่ดีและสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อ นมัสการ สรรเสริญ และขอบพระคุณพระเจ้า  โดยมีเหตุผลสำคัญคือ เพราะพระเจ้าทรงเป็นอยู่และทรงสามารถช่วยให้เรา มีชีวิตอยู่ได้
ด้วยเหตุนั้น “จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า”
การนมัสการ สรรเสริญ และขอบพระคุณ สามารถแสดงออกมาผ่านทางชีวิตของเราในทุกที่และทุกรูปแบบ ตามที่พระธรรมสดุดีบทที่ 150 ได้กล่าวไว้  คือ ทั้งในสถานนมัสการพระเจ้า  ในทั่วฟื้นฟ้าอันกว้างใหญ่และทรงพลังของพระเจ้า  กล่าวถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงกระทำให้เกิดขึ้นอย่างมากมายได้  จะแสดงออกมาผ่านทางอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องดนตรี ดีด สี ตี เป่า และท่าทางประกอบแบบเต้นรำ ร้องเพลง บรรเลงสดุดีได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังมีความหมายอีกว่า  ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ สามารถใช้ชีวิตเพื่อการสรรเสริญผ่านทางวิธีการ รูปแบบ บทบาท ฐานะ หน้าที่ต่าง ๆ   กล่าวคือ หากคุณมีชีวิตอยู่และกำลังทำงานในอาชีพอะไรก็ตาม  ให้ใช้สิ่งนั้นเป็นเหตุให้มีการสรรเสริญพระเจ้าได้เสมอ  เหมือนที่พระเยซูสอนว่า...เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ   เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน   ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ (Matthew 5:16)

ไม่ว่าปีนี้ หรือปีไหน ที่นี่หรือที่ไหน ขอให้ใช้ชีวิตและลมหายใจที่มีอยู่เพื่อสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และช่วยให้ผู้คนหันมาสรรเสริญพระเจ้าร่วมกันสืบไป...ดีมั้ยครับ !
“ฮาเลลูยาห์”
จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด  
  จงสรรเสริญพระเจ้า   ในสถานนมัสการของพระองค์  
 จงสรรเสริญพระองค์ในพื้นฟ้า   อันอานุภาพของพระองค์  
 2จงสรรเสริญพระองค์  เพราะกิจการ   อันอานุภาพของพระองค์  
 จงสรรเสริญพระองค์  ตามความยิ่งใหญ่อย่างมากของพระองค์  
 
3จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตร  
 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่   และพิณใหญ่  
 
4จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนา   และการเต้นรำ  
 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสาย   และปี่  
 
5จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่ง  
 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ  
 
6จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ  สรรเสริญพระเจ้า  
 
จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด
(สดุดี 150)
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)