05 มิถุนายน 2564

Peter’s fish: ปลาเปโตร โดย บัณฑิต ดาแว่น

 

คิดอย่างบัณฑิต

ข้อคิดจากอิสราเอล


Peters fish:
ปลาเปโตร   โดย บัณฑิต  ดาแว่น

ปลานิลทอดประกบด้วยผักดองนิดๆ และน้ำจิ้ม  เป็นอาหารเที่ยงมื้อพิเศษ ระหว่างการเดินทางตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล เมื่อพฤษภาคม ปี 2019  ทำให้คณะของเราร้อยกว่าชีวิต รู้สึกตื่นเต้น ผมเองกินด้วยความเอร็ดอร่อย ไม่รู้ว่าปลาที่ทะเลสาบกาลิลีอร่อย หรือ พ่อครัวเขาปรุงได้ดี หรือว่าเป็นเพราะหิวจนตาลาย !!  ไม่ว่าอะไรในเพลานี้ก็ต้องอร่อยเป็นแน่แท้ กว่าจะได้กินมื้อเที่ยงครั้งนี้ก็บ่ายสองกว่าๆแล้ว เพราะช่วงเช้าเดินทางจากที่พักไปยังล่องเรือโบราณที่ทะเลสาบกาลิลี ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล ทะเลแห่งนี้มีปลาชุกชุม มีเรื่องราวเกี่ยวกับองค์พระเยซูคริสต์และลูกศิษย์ของพระองค์ ตลอดจนประชาชนบริเวณรอบ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์พระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม  ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ล่องเรือที่กาลิลีนั้น ผมได้เขียนไว้บางประเด็นแล้วติดตามอ่านกันได้

( https://bandhit.blogspot.com/2020/05/take-galilees-boat-with-jesus.html) 

 ย้อนกลับไปทบทวนความรู้สึกในครั้งนั้นเกี่ยวกับอาหารมื้อพิเศษ  คือกว่าจะได้กินทำท้องไส้ปั่นป่วน เพราะนอกจากจะมาถึงเกินเวลาเที่ยงแล้ว ยังต้องรอคิวอาหารอีกสักพัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รูสึกแย่แต่ประการใด เพราะการมาครั้งแรกในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มีเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นเกินกว่าที่จะบ่นถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ   ยิ่งระหว่างทางบนรถบัส มัคคุเทศก์คนขยันของเราก็มีพลังดีเหลือเกิน ยังอธิบายประวัติศาสตร์ของสถานที่ บุคคล และส่วนประกอบของเรื่องราวต่างๆ ไม่ขาดสาย เช่น อธิบายถึงการเทศนาบนภูเขาของพระเยซู ที่ทรงใช้เนินเขาแถบทะเลกาลิลีสั่งสอนประชาชนที่ติดตามนับหมื่นๆ คน แม้สมัยเมื่อ 2 พันปีก่อน ไม่ได้มีเครื่องขยายเสียง ไม่มีโปรเจ็คเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่ฉับไวอย่างทุกวันนี้ แต่น่าอัศจรรย์คือ คำสอนของพระเยซูยังเป็นที่ประทับใจ จดจำ และส่งต่อมาถึงเราทุกวันนี้อย่างเที่ยงตรง  คำถามคือคนจำนวนมากอย่างนั้น สามารถได้ยินเสียงพระเยซูพูดได้อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าพระองค์จะเดินทางไปที่ไหน เมื่อไหร่  จากการสังเกตพบว่าสภาพพื้นที่ที่เป็นเนินคล้ายอัฒจรรย์ ของสนามกีฬา ประกอบกับมีโขดหิน หินลาดใหญ่ๆ อาจช่วยสะท้อนเสียง สามารถช่วยให้ได้มองเห็นและได้ยินไปไกล แต่ทั้งนี้คงไม่ใช่ทั้งหมื่นๆ คนได้ยินพร้อมกันทีเดียว เป็นไปได้ที่พระเยซูเล่าเรื่องให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งฟัง แล้วมีการส่งต่อเรื่องราวกันไป จากนั้นมีการสืบเสาะค้นหาข้อมูลและรวบรวมจนกลายมาเป็นบันทึกเรื่องราวในพระกิตติคุณของพระเยซู นายแพทย์ลูกา ผู้บันทึกพระกิตติคุณลูกายืนยันไว้เช่นนั้น (ลูกา 1.1-4) ส่วนมาระโก ชายหนุ่มผู้บันทึกพระกิตติคุณมาระโกที่มีความกระชับฉับไวเหมือนหนังจีนกำลังภายใน เขาได้รับข้อมูลมาจากอาจารย์เปโตรซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระเยซู  มัทธิว เป็นผู้ติดตามด้วยตนเองประกอบกับมีความเข้าใจในธรรมเนียมยิวของตนเองจึงเขียนที่มาที่ไปของพระเยซูเป็นที่จับใจของคนยิว และยอห์น ก็เช่นกันเป็นลูกศิษย์ที่กล่าวว่าพระเยซูรักและไว้ใจมาก ได้บันทึกในอีกมุมมองที่ทำให้เราเข้าใจหลักคิดที่มีต่อพระเยซูแบบลึกซึ้ง(ยอห์น 1.1-14)  อย่างไรก็ตามหากมองในมุมของความเป็นพระเจ้าของพระเยซูแล้ว ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปที่พระองค์จะทรงกระทำไม่ได้  คำสอน คำพูด เรื่องราวของพระเยซูจากวันนั้นเมื่อสองพันปีก่อนจนถึงวันนี้และตลอดไปจะยังคงอยู่และเป็นความจริงที่ช่วยให้คนได้ยินและเมื่อเชื่อก็จะเป็นอิสระจากสิ่งชั่วร้ายได้เสมอ

ได้ยินเสียงว่าปลานิลทอดกำลังจะมาถึงคิวผมแล้ว...

กลับมาเรื่องอาหารเที่ยงที่มีเพียงปลานิลทอดตัวเดียวบนจาน ที่ทำให้ผมหิวจนไม่รีรออะไรแล้ว หลังจากโมทนาพระคุณแล้วลงมือทันที จนลืมธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติคือถ่ายรูปก่อนกิน !! ด้วยเหตุนั้นภาพที่ได้คือ จานข้าวของผมมีรอยถูกตักกินไปบ้างแล้ว (ไม่ว่ากันนะครับ มันหิวมากจริง ๆ) เมื่อกินเสร็จเขาตบท้ายด้วยผลอินทผลัมสดสองสามลูก ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง คนท้องถิ่นเขาแนะนำว่าอินทผลัมสดจะช่วยลดกลิ่นคาวหลังกินปลาได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อทุกอย่างละครับ ความรู้สึกหวานฉ่ำอมเปรี้ยวฝาดนิดๆ ของอินทผลัมสดทำให้ผมประทับใจมิรู้ลืม  ยิ่งบรรยากาศที่ร้านอาหารแห่งนี้ที่ชื่อว่า “Peters Restaurant” ทำให้นั่งกินไปพร้อมกับวิวทิวทัศน์ของทะเลกาลิลีที่อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของพระเยซูคริสต์สถิตท่ามกลางชีวิตของเราได้มากขึ้น เพราะแถบบนี้พระเยซูใช้เวลาในการทำพระราชกิจมากเป็นพิเศษ ใครจะไปรู้พื้นดินที่เราเดินไปนั้นอาจเป็นรอยพระบาทเมื่อสองพันปีก่อนก็ได้  แม้ขณะที่เดินตามทางดินไปร้านอาหารมัคคุเทศก์ผู้มากความสามารถยังเดินไปหักกิ่งต้นหนามชนิดหนึ่ง คล้ายต้นพุทราบ้านเรา แต่หนามยาวกว่า พร้อมทั้งอธิบายว่าอาจเป็นต้นหนามชนิดเดียวกับที่ทหารโรมนำมาทำเป็นมงกุฎหนามสวมพระเศียรของพระเยซูจนเลือดไหลอาบลงมาในช่วงเวลาแห่งการทนทุกข์ก็เป็นได้ ว่าแล้วก็ส่งให้พวกเราเอามือไปแตะความแหลมคมของหนามนั้นดู ผมสังเกตว่าสุดท้ายท่านอาจารย์ ดร.วินิจ ได้นำหนามนั้นไปและเห็นท่านนำมาคุยกันต่อหลังจากขึ้นรถบัสอีกครั้ง  

หลังจากกินอย่างพอใจแล้วใครจะลงไปถ่ายรูปที่ชาดหาดของกาลิลีก็ตามอัธยาศัย ผมเองไม่พลาดเช่นกัน แถมยังเก็บก้อนหินบางก้อนที่เหมาะมือมาเป็นที่ระลึกด้วย แลกเปลี่ยนกันถ่ายรูปทั้งแบบเดี่ยว คู่ และหมู่อย่างชื่นใจทีเดียว

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ เปโตร (Peter) ลูกศิษย์ของพระเยซูคริสต์ที่ทำให้ผมได้มาย้อนรอยพระบาทในครั้งนี้ ได้กินอาหารมื้อพิเศษแม้ทางกายภาพจะเป็นเพียงแค่ปลานิลตัวหนึ่ง ที่ปัจจุบันนี้จะหากินที่ไหนก็ได้ในราคาถูกๆ  จากข้อมูลพบว่า ปลานิล เป็นอาหารที่ให้โปรตีนราคาประหยัดชั้นดีแก่คนไทย เพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้รับปลาชนิดนี้เป็นของฝากพระสหายของท่านจากญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2508 ต่อมาได้ทรงขยายพันธุ์และแจกจ่ายไปยังประชาชนจนกลายเป็นปลาท้องถิ่นที่เหมาะสมกับคนไทยไปแล้ว  และการตั้งชื่อว่าปลานิล อาจมาจากแหล่งที่มาจากแม่น้ำไนล์และพ้องกับชื่อพระสหายที่ออกเสียง “นิน” คือสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ 

ปลานิลที่ผมกินวันนั้นมันยิ่งกว่าการกินอาหารปกติ เพราะกินด้วยใจขอบพระคุณในดินแดนแห่งพระสัญญาโดยพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตคนธรรมดาคนหนึ่งอย่างเช่นผม ที่ทรงเลือกสรรให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ 

ท่านเปโตร หรือ Saint Peter ที่คนทั่วโลกต่างให้เกียรติท่านในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มาจากชาวประมงธรรมดา หาเช้ากินเย็น ยังได้เป็นคนสนิทของพระเยซู เมื่อเขาตอบสนองการทรงเรียกอย่างแน่วแน่ เมื่อวันหนึ่งพระเยซูเสด็จมาที่เรือของเปโตร ขอใช้เรือเพื่อสั่งสอนประชาชน จากนั้นสั่งให้ออกไปจับปลา และได้ปลากลับมาอย่างล้นเหลือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้เปโตรรู้ว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอด แม้ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่สิ่งที่เขาทำคือละเครื่องมือจับปลาแล้วติดตามพระเยซูไป จากผู้จับปลากลายมาเป็นผู้จับคนตามคำบัญชา ที่คนทั้งโลกยังจับใจในคำปราศรัยครั้งแรกของท่านที่เยรูซาเล็ม และช่วยให้ผู้คนสามพันคนยอมรับคำของพระเจ้าในวันเดียวได้  แม้เจ้าหน้าที่ของทางการยังประหลาดใจว่า คนพวกนี้เป็นเพียงคนสามัญแต่ทำไมพวกเขาจึงพูดได้ดีถึงเพียงนี้ คำตอบที่เขายอมรับและพูดมาเองคือ เพราะพวกเขาอยู่กับพระเยซูนั่นเอง 

แม้มีบางช่วงที่เปโตรเองมีความหวั่นไหวและอยากหนีไปให้ไกลจากเส้นทางของพระเยซู แต่สุดท้ายท่านเองยอมตายในรูปแบบถูกตรึงบนกางเขนแบบกลับหัวลงมา เพื่อจะไม่ให้เทียบเท่ากับพระอาจารย์ที่ถูกตรึงกางเขนเช่นกัน 

อะไรที่ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งที่การศึกษาน้อย ขาดทักษะการพูด แต่กลับเป็นคนที่พระเจ้าใช้ให้กล่าวถ้อยคำของพระองค์อย่างเกิดผลดี และยังเป็นที่ยอมรับของประชาชาติตลอดมา คำตอบมีในพระคัมภีร์ที่บันทึกเรื่องราวชีวิตของเปโตรไว้ ยิ่งย้ำชัดในพระกิตติคุณยอห์นบทที่ 21  ท่านยอห์น เพื่อนสนิทของเปโตรบันทึกไว้ว่า เปโตรได้ยืนยันถึงความจงรักภักดีของท่านต่อพระเยซูคริสต์หลังจากการเป็นขึ้นมาจากตายและปรากฎตัวให้พวกเขาได้เห็นก่อนเสด็จสู่สวรรค์   และท่านได้เล่าประสบการณ์นี้ให้มาระโกลูกศิษย์ของท่านบันทึกไว้ และท่านเองยังเขียนด้วยตนเองอีกสองฉบับ ถึงประสบการณ์และความเชื่อที่มีต่อพระเยซูคริสต์นั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าต่อชีวิตอย่างแท้จริง

กินปลานิลมื้อเที่ยงเพียงมื้อเดียวในวันนั้น ยังสะท้อนถึงชีวิตจนถึงทุกวันนี้อยู่เสมอ ว่าพระเจ้าสามารถใช้ชีวิตของคนธรรมดา ที่อาสารับใช้พระองค์อย่างอัศจรรย์ได้

 การกินปลานอกจากมีคุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพ ช่วยให้สมองดี มีกำลังที่แข็งแรงแล้ว ยังมีผลดีต่อชีวิตเมื่อคิดถึงความจริงของพระเยซูคริสต์ 

กินปลานิลทอด ราดน้ำจิ้มสามรส สักมื้อมั้ยครับ !