25 พฤษภาคม 2562

ชีวิตกลับด้าน...Convert Life. โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต

ชีวิตกลับด้าน... Convert Life. 
โดย บัณฑิต ดาแว่น

การเดินทางข้ามน้ำมหาสมุทรจากไทยไปสู่อเมริกาในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยพระคุณและแผนการของพระเจ้าทั้งสิ้น เพราะผมเองไม่คาดคิดว่าปีนี้จะมีโอกาสเดินทางไกลอีก เพราะเพิ่งกลับจากการไปค่ายตามรอยพระคัมภีร์ร่วมกับผู้นำแบ๊บติสต์ ที่ประเทศอิสราเอลมาไม่ถึงสัปดาห์  พระเจ้าก็จัดเตรียมการเดินทางมารับใช้ที่รัฐฟลอริด้าในอเมริกาทันที  โดยการจองและซื้อตั๋วเครื่องบินเกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน 

ครั้งนี้เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines ของประเทศตุรกี จากสุวรรณภูมิถึงเมืองอิสตันบู(Istanbul)ใช้เวลาประมาณสิบเอ็ดชั่วโมง จากนั้นบินตรงไปยังเมืองไมอามี่ (Miami, Florida) รัฐฟลอริด้า อเมริกาอีกสิบสองชั่วโมง ข้ามเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืนแบบกลับด้านของชีวิตอย่างสิ้นเชิง


หากดูเวลาที่ไทยคือเจ็ดโมงเช้า ก็จะเท่ากับที่อเมริกาเจ็ดโมงเย็น หรือหนึ่งทุ่ม  ซึ่งเป็นเวลากลางคืนที่ตามหลังไทยนั่นเอง  จากการตรงข้ามของเวลาแบบนี้ทำให้ร่างกายต้องปรับเปลี่ยนและฝืนสู้กันอยู่ประมาณสองสามวัน  โดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณบ่ายสองบ่ายสามของอเมริกา เป็นเวลาที่ร่างกายควรจะนอนอย่างหลับสนิทที่ไทย สภาพแวดล้อมที่เห็นเป็นกลางวัน แต่ความรู้สึกข้างในนั้นดูเหมือนหลับไปครึ่งหนึ่งแล้ว หัวสมองจะรู้สึกมึนงง ความจำสับสนบางครั้ง หากเผลอนั่งอาจหลับในทันใด อาการเช่นนี้ที่เขาเรียกว่า Jet-lag คือการปรับเปลี่ยนของร่างกายและเวลาที่ขัดแย้งกัน

ผู้มีประสบการณ์แนะนำว่า เวลาเดินทางไปต่างประเทศควรลืมเวลาที่ไทยไปเลย จะได้ไม่ต้องพะวงและเกิดการเปรียบเทียบเวลา ซึ่งยิ่งจะทำให้ร่างกายและจิตใจยิ่งสับสนและปรับตัวช้าไปอีก เมื่อผมเชื่อและทำตามคำแนะนำก็ได้ผลดีจริง แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องฝืนเรื่องการกิน การนอน การทำกิจวัติประจำวันอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งปรับตัวได้

 เรื่องการลืมเวลาไทยผมเห็นด้วย แต่เรื่องการลืมค่าเงินบาทไทย ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีหรือไม่ เพราะหากซื้อของโดยไม่สนใจว่าตีเป็นค่าเงินบาทเท่าไหร่ อาจทำให้กลับไทยด้วยหนี้สินได้ง่ายๆ เพราะจากเงินอเมริกันหนึ่งดอลล่าก็ปาเข้าไปเท่ากับสามสิบกว่าบาทของไทยแล้ว  ดังนั้น ลืมเวลาไทยพอทำได้ แต่ลืมค่าเงินบาทนั้นต้องระวังไว้ดีกว่านะ...


ชีวิตกลับด้าน เป็นชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับตัว ปรับใจ และปรับวิธีการใช้ชีวิตแบบกลับด้านเช่นกัน จึงจะสามารถใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่นี้ได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพตามที่ควรเป็น 



เมื่อพระเจ้าให้เรามีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์  พระองค์ย้ายเราออกจากความมืดสู่ความสว่าง  ย้ายจากบึงไฟนรกสู่เมืองสวรรค์ (คส.1.13-14)  ดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพใหม่ให้ได้  แม้ในช่วงแรกจะต้องอดทนเพราะเหมือนมีการต่อสู้กันอยู่ภายในและภายนอก  คือสายตามองเห็นว่านี่คือเวลากลางวัน แต่ภายในระบบของร่างกายคุ้นเคยกับเวลากลางคืนของเมืองไทย เช่นเดียวกับความต้องการฝ่ายเนื้อหนังที่คอยต่อสู้ฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ  แม้จะรับชีวิตใหม่แล้ว แต่ยังรู้สึกคุ้นเคยกับชีวิตเก่า ดังนั้น...

จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง  เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้ (กท.5.16-17)   และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าโดยพระเมตตากรุณาจากพระองค์ทั้งภายในและภายนอก มอบถวายชีวิตจิตใจให้กับพระเจ้าซึ่งจะเป็นที่พอพระทัย อย่าประพฤติตามอย่างแฟชั่นคนในยุคสมัยนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม (รม.12.1-2)

เมื่อปรับตัว ปรับใจ ปรับพฤติกรรมในแนวทางชีวิตใหม่อย่างกลับด้านได้แล้ว จะพบว่ามีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเกินความเข้าใจรออยู่อีกมากมาย   หลายคนต้องเสียดายและเสียใจ หากยังขืนใช้ชีวิตแบบครึ่งๆ กลาง ลุ่มๆ ดอนๆ คือ เอาแน่เอานอนไม่ได้



อย่ากระนั้นเลย  รีบกลับตัว กลับใจ ใช้ชีวิตแบบกลับด้าน คือด้านชีวิตใหม่ให้เร็วที่สุด ย่อมดีกว่าแน่นอน

คุณเห็นด้วยมั้ยครับ !

17 พฤษภาคม 2562

Praying at wailing wall อธิษฐานที่กำแพงร้องไห้ โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต...ข้อคิดจากอิสราเอล

Praying at wailing wall อธิษฐานที่กำแพงร้องไห้

โดย บัณฑิต ดาแว่น

จุดสำคัญของการไปเยือนอิสราเอล ดินแดนแห่งพันธสัญญาครั้งนี้อีกแห่งคือ  การได้ไปอธิษฐานที่กำแพงร้องไห้(Wailing wall) หรือ กำแพงตะวันตก (Western Wall) เป็นกำแพงสูงใหญ่ด้านทิศตะวันตกของเนินพระวิหาร หรือภูเขาโมรียาห์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโดมครอบหิน(Dome of the Rock) ที่เป็นสุเหร่ามุสลิม กำแพงตะวันตกน่าจะเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของชาวยิวในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของการที่คนอิสราเอลได้หวนกลับคืนสู่แผ่นดินพันธสัญญา เป็นสักการสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของคนยิว และเป็นที่นมัสการและอธิฐานภาวนาสำหรับคนทั่วไป


กำแพงนี้เป็นส่วนที่เหลือจากกำแพงพระวิหารหลังที่สอง ที่สร้างเริ่มขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ. ในปีที่ 37 ก่อน ค.ศ. เฮโรดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชาวยิว พระองค์ได้ปรับปรุงกรุงเยรูซาเล็มให้สวยงาม และสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ให้ใหญ่โตกว่าและสวยงามกว่าพระวิหารของกษัตริ์โซโลมอน เพื่อเป็นการเอาใจชาวยิว นี่คือพระวิหารที่อยู่ในช่วงเวลาที่พระเยซูคริสต์ดำเนินพันธกิจในโลกนี้ ปี ค.ศ. 70 กรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารถูกจักรรดิติตัสทำลายหมดสิ้น คงเหลือไว้แต่กำแพงล้อมรอบวิหารที่สร้างด้วยก้อนหินขนาดใหญ่มาก เราจึงได้เห็นก้อนหินที่มีอายุสองพันกว่าปีที่นี่  หลังสงครามปลดปล่อยอิสราเอล ชาวยิวประกาศตั้งรัฐอิสราเอล ในปี ค.ศ. 1948 โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง แต่ส่วนที่เป็นเมืองเก่าอยู่ในส่วนยึดครองของประเทศจอร์แดน ชาวยิวถูกห้ามเข้ามาที่กำแพงตะวันตก จนกระทั้งอิสราเอลชนะสงคราม 6 วันต่อประเทศอาหรับ และได้ปกครองเยรูซาเล็มทั้งหมด ชาวยิวจึงเข้ามาที่กำแพงตะวันตกเพื่อนมัสการและสวดภาวนาได้

การเข้าไปบริเวณพระวิหารและกำแพงร้องไห้ ต้องเข้าคิวยาวเหยียด ผ่านการตรวจเช็คเพื่อความปลอดภัยอย่างเข้มงวด  คณะของเราเดินขึ้นไปทางประตูขยะ ซึ่งเป็นประตูโบราณที่พวกเขานำขยะมาทิ้งช่องทางนี้  การเข้าไปอธิษฐาน ต้องแยกชายหญิงตามโซนที่ธรรมเนียมยิวปฏิบัติ  ผู้ชายต้องสวมหมวกอธิษฐานถือเป็นการให้เกียรติและสำนึกว่าพระเจ้าปกเกล้าเหนือหัวอยู่เสมอ ส่วนผู้หญิงไม่ต้องเพราะมีผมยาวคลุมแล้ว

ผมพบว่า... กำแพงไม่ได้ร้องไห้ แต่ผมต่างหากที่กำลังร้องไห้... ขณะเข้าไปยืนยกมือสองข้างแตะผนังกำแพงที่เป็นก้อนหินเก่าแก่ หลับตาภาวนา คิดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้สรรค์สร้างทุกสิ่งขึ้นมา และเลือกสรรคนอิสราเอลให้เป็นตัวแทนเพื่อแผนการไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์ 

ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ผมจะอธิษฐานอย่างไรดี และอธิษฐานเรื่องอะไร ถึงจะเป็นคำอธิษฐานที่ดีที่สุด และเกิดผลสูงสุด  ในขณะที่น้ำตากำลังคลอ ก็รำพึงอธิษฐานออกมาด้วยเสียงเบาๆและสั่นเครือเล็กน้อยด้วยใจปลาบปลื้มในพระคุณพระเจ้าที่ให้มาถึงที่นี่  ก่อนจะอธิษฐานเรื่องอื่นๆ ผมเริ่มต้นที่คำอธิษฐานที่พระเยซูตรัสสอนดังนี้

ท่านทั้งหลาย จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ

ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก

ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้

และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น

และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย       

เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน (มัทธิว 6.9-13)



เชื่อว่านี่เป็นคำอธิษฐานที่ครอบคลุมทุกเรื่องในชีวิตแล้ว  คือ ได้ ...

·      สรรเสริญ พระเจ้าพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์  ได้ยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ ผู้ทรงสมควรเทิดทูน

·      สนองต่อ  พระทัยของพระเจ้า ที่ทรงทำสำเร็จในสวรรค์แล้ว และขอให้สำเร็จในชีวิตและในโลกนี้ด้วย

·      สนิทสนม และพึ่งพาในพระบิดาที่สามารถเลี้ยงดูชีวิตได้ทุกวัน

·      สารภาพ บาปผิด และคิดการยกโทษแด่ผู้อื่นด้วยความเมตตาและความรักจากพระเจ้า

·      เสนอ  ขออย่าให้เผชิญกับอุปสรรคปัญหาและสิ่งชั่วร้ายโดยไม่จำเป็น

·      สนอง ต่อแสนยานุภาพที่มีอยู่ในพระองค์ทั้งสิ้นแล้ว  ทุกสิ่งเป็นไปได้โดยพระเจ้า


และผมลงท้ายคำอธิษฐานด้วย พระนามพระเยซูคริสต์เจ้า...อาเมน
รู้สึกมีความสุขใจ อิ่มเอิบใจ และมั่นใจอย่างยิ่ง ถอยหลังออกมา นั่งเก้าอี้และพิจารณาชีวิตอีกครั้ง พร้อมมองไปรอบๆ เห็นผู้คนกำลังอธิษฐานด้วยท่าทีอันสงบและมีพลัง จนกระทั่งได้เวลาเดินทางไปทานมื้อเที่ยงบนยอดเขา ที่กลายเป็นราชวังของกษัตริย์เฮโรดผู้ยิ่งใหญ่ที่บัญชาให้บูรณะพระวิหารอย่างตระการตานั่นเอง



ข้าแต่พระเจ้าพระศิลาและพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากของข้าพระองค์ และการรำพึงภาวนาในจิตใจ เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์เถิด (สดด19.14)




15 พฤษภาคม 2562

เก็ธเซมาเน : Gethsemane โดย บัณฑิต ดาแว่น


 คิดอย่างบัณฑิต...ข้อคิดจากอิสราเอล
เก็ธเซมาเน : Gethsemane
One way Jesus
โดย บัณฑิต ดาแว่น

 ณ สวน เก็ธเซมาเน (หรือ เกทเสมนี) พระเยซูสำแดงความแน่วแน่ในการตัดสินใจตามพระทัยพระบิดาที่ทรงใช้พระองค์ในฐานะพระบุตรมาตายเพื่อไถ่บาปให้มวลมนุษย์  ตามแผนการอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก (อฟ1.3-8, มธ.26.36-46)
มีทางเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยมวลมนุษย์ที่ทรงรักให้รอดพ้นจากบาปผิด และผ่านพ้นบึงไฟนรกไปได้ (กจ.4.12) และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกก็จะไม่มีการไถ่บาปได้  แต่โดยพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ประเสริฐ พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งสำเร็จแล้ว ตามแผนการพระบิดา (ฮบ.9.22)
"ฮาเลลูยาห์ สรรเสริญพระเจ้า และขอบพระคุณพระองค์"

การตัดสินใจในสวนเก็ธเซมาเน ไม่ใช่เรื่องง่าย หมายถึงการตัดสินใจเลือกระหว่าง "การมีชีวิตอยู่" หรือ "ตาย"       ...แล้วใครละอยากตาย ? 
พระเยซูแม้ในฝ่ายวิญญาณเป็นพระเจ้า แต่ในฐานะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ยังต้องเผชิญกับความกดดันอย่างแสนสาหัส ถึงขั้นเหงื่อไหลกลายเป็นเลือด(ลก.22.44)  พระองค์ทนสู้กับความรู้สึกของตนเองระหว่าง "ตามใจตน" กับ "ยอมอดทนเพื่อคนที่พระบิดาทรงรัก" ซึ่งก็คือ คุณและผม  สุดท้ายพบว่าพระองค์เลือกตามใจพระบิดา ยอมถูกฆ่าอย่างไร้ความผิด ยอมอุทิศชีวิตเลือดเนื้อเพื่อเราผู้เป็นคนบาปอย่างเหลือจะพรรณนา
ทรงอธิษฐานตั้งสามครั้งว่า... “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์   ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้   และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว   ก็ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์” (มธ.26.42)

Gethsemane = An oil press หมายถึง การบีบกดเอาน้ำมันออกมา  สวนเก็ธเซมาเนอยู่บริเวณภูเขามะกอกเทศใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยต้นมะกอกเทศที่มีอายุนับพันปี จึงเชื่อว่าเป็นการบีบน้ำมันมะกอกซึ่งเป็นผลผลิตที่ขึ้นชื่อของอิสราเอล เครื่องบดน้ำมันมะกอกทำจากหินบะซอลต์มีสองส่วนคือ ฐานและล้อบด ฐานเป็นรูปวงกลมใหญ่เป็นร่อง มะกอกจะถูกนำมาวางลงในร่องนี้ แล้วหมุนล้อบดที่ทำจากหินหนักทับไปบนมะกอกเพื่อบีบเอาน้ำมันออกมา  น้ำมันมะกอกถูกนำมาใช้ในการทำอาหาร การรักษาเยียวยาหลายเรื่อง และที่สำคัญนำไปใช้ทางพิธีกรรมในพระวิหาร  เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูง 
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

น่าสังเกตคือกว่าจะได้น้ำมันออกมา ต้องผ่านการบีบ กด ทับ จนผลมะกอกแตกสลายกลายเป็นน้ำมันที่มีคุณค่าและบริสุทธิ์  ซึ่งพระเยซูคริสต์อยู่ในสถานการณ์นั้นที่สวนเก็ธเซมาเน คือยอมสละพระองค์เอง ที่จะถูกเฆี่ยน ถูกทรมาน ถูกตบหน้า ถูกถ่มน้ำลายใส่ ถูกด่า ถูกประจาน จนกระทั่งถูกตรึงที่กางเขนจนมรณา เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าและมีคุณค่าพอที่จะชำระล้างบาปมลทินของทุกคนได้
เป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่าย แต่ทรงตั้งใจอย่างแน่วแน่ ไม่ยอมแพ้แก่ใจตนเอง  เลือกทางถูก ไม่ใช่ทางผิด หรือทางพ้นของตนเอง  แม้ในเวลานั้นสาวกที่ใกล้ชิดยังไม่เข้าใจ พวกเขาง่วงนอน ลืมตาไม่ขึ้น พระองค์บอกว่า เราเป็นทุกข์แทบตาย แต่พวกสาวกยังหลับสบายไม่สนใจแม้แต่น้อย 
ถึงกระนั้นพระเยซูยังทรงแข็งแกร่ง สำแดงความรัก ความเมตตาเสมอมา  เฉกเช่นชีวิตของคุณและผมในทุกวันนี้ ที่หลายครั้งไม่สนใจ ไม่แยแสถึงความเป็นไปในชีวิต และการเสียสละของพระเยซูคริสต์ว่ามีคุณค่ามากเพียงใด  โดยใช้ชีวิตแบบไม่ลืมหูลืมตา ไขว่คว้าแต่สิ่งที่ตนต้องการ จนลืมทำงานที่ชอบพระทัยพระเจ้า แต่พระเยซูยังให้โอกาสเสมอ

ดังนั้น..."อย่าให้ข้าลืมเก็ธเซมาเน  อย่าให้ข้าลืมความทรมาน อย่าให้ข้าลืมความรักอ่อนหวาน โปรดนำไปถึงกางเขน...."  (เพลงชีวิตคริสเตียน โปรดนำไปถึงกางเขน หน้า 215)
 
"เก็ธเซมาเน วันเวย์จีซัส..."  Gethsemane...One way Jesus  พระเยซูคริสต์ใช้ชีวิตแบบวันเวย์เท่านั้น คือ มุ่งทำตามพระทัยพระบิดาอย่างเดียวเท่านั้น ไม่หันเหไปตามใจตนเอง  ด้วยเหตุนี้จึงมีวันที่คุณและผม มีความชื่นชม เพราะพระองค์ยอมทุกข์ระทมเพื่อบาปทั้งสิ้นแล้วนั่นเอง !!

มีเพียงพระเยซูทางเดียวเท่านั้น วันเวย์จีซัส (One way Jesus) ที่จะทรงหันเหชีวิตของเราจากบึงไฟนรก สู่สวรรค์สถานคือบ้านของพระบิดาได้อย่างนิรันดร์ 
พระเยซูทรงตัดสินใจแล้วตั้งแต่เริ่มต้นและสำแดงชัดเจนที่สวนเก็ธเซมาเน !

คุณเชื่อและยอมรับเช่นนั้นมั้ยครับ ?




14 พฤษภาคม 2562

Bethel : เบธเอล...จุดเปลี่ยนชีวิต โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต...
ข้อคิดจากอิสราเอล

Bethel : เบธเอล
จุดเปลี่ยนชีวิต

โดย บัณฑิต ดาแว่น


เบธเอล มีความหมายว่า บ้านของพระเจ้า (Bethel= The house of God) เป็นสถานที่ยาโคบได้พบกับพระเจ้าด้วยการฝันเห็นทูตสวรรค์ขึ้นลงบันไดและพระเจ้าทรงสถิตอยู่เหนือนั้น ในขณะที่เขาหนีพี่ชายไปยังบ้านของลุงตามคำแนะนำของพ่อแม่ (ปฐก.28.10-22) 

เบธเอล เมื่อก่อนมีชื่อว่า ลูส (Luz) (ปฐก.28.19) เมืองโบราณที่ใช้เป็นสถานนมัสการในเอฟราอิม เขตชายแดนของเบนจามิน  อยู่ทางตอนใต้ของยูดาห์ล่องลงไปทางเบเออร์เชบาและสิกลาก

ยาโคบ ลูกชายของอิสอัคและเรเบคาห์ แฝดผู้น้องของ เอซาว  เขาได้ชื่อว่า เป็นผู้ดึงส้นเท้า หรือ แปลว่า ผู้หลอกลวง  ยาโคบและเอซาวสู้กันตั้งแต่อยู่ในท้อง จนแม่บ่นอยากตาย (ปฐก.25.22-23) แต่พระเจ้าสำแดงให้เห็นว่าลูกชายทั้งสองคนจะเป็นชนชาติใหญ่ แต่ต้องแตกแยกกัน พวกหนึ่งจะแข็งแรงกว่า และพี่จะรับใช้น้อง ซึ่งธรรมเนียมของคนยุคนั้นสิทธิลูกคนโตย่อมมากกว่า แต่พระเจ้าทรงสำแดงให้เห็นถึงสิทธิอำนาจของพระองค์ในการเลือกและกำหนดบทบาทตามแผนการณ์ของพระองค์ได้ทั้งหมด  แต่ทั้งนี้พระองค์ยังทรงให้โอกาสมนุษย์ได้ตัดสินใจเลือกด้วยเช่นกัน เพราะจากเรื่องนี้เราพบว่าเอซาวเองก็ไม่สนใจสิทธิบุตรหัวปีของตนแม้แต่น้อยโดยการนำไปแลกอาหารกินแก้หิวเท่านั้น (ปฐก.25.32-34)  ส่วนยาโคบนั้นเขาแสดงความสนใจและหาทางแย่งชิงมา ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง  แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปตามแผนการณ์ของพระเจ้า

ยาโคบ ต้องรับผลจากชีวิตและการกระทำที่แย่งชิง ดึงดัน โกหก หลอกลวง หลอกล่อ ทั้งพี่ชายและพ่อ เพื่อจะได้สิทธิ์การเป็นผู้รับมรดกและพรจากครอบครัวโดยการวางแผนและร่วมมือกับแม่  เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุน  เพราะเอซาวเมื่อหายหิวและรู้ตัวว่าพลาดพรจากพ่อเพราะยาโคบชิงไปก่อนแล้ว เขาโมโหหนักและอาฆาตแค้นหมายจะเอาชีวิตยาโคบ (ปฐก.27.41-45)
เมื่อยาโคบมาถึง เบธเอล (ปฐก.28.10-22) คงเหนื่อยแทบขาดใจ คว้าหินมาหนุนหัว ความกลัวยังอยู่ในใจ แต่ต้องหลับไปเพราะเหนื่อยแรง  พระคัมภีร์บอกว่า ยาโคบฝันเห็นทูตสวรรค์ขึ้นลงบันไดและพระเจ้าประทับยืนอยู่เหนือบันไดนั้น  พระเจ้าสำแดงและสัญญากับยาโคบยืนยันว่าเขาเป็นผู้รับพรสืบต่อจากบรพบุรุษ และจะทรงปกป้องเขาให้กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนอย่างยิ่งใหญ่ต่อไปได้  ยาโคบจึงรู้ว่านี่คือที่สถิตของพระเจ้า จึงตั้งก้อนหินที่หนุนหัวนั้นเป็นสัญญาลักษณ์และเทน้ำมันบนยอดเสานั้น และเรียกสถานที่นั้นว่า "เบธเอล"  พร้อมทั้งปฏิญาณว่าจะติดตาม เชื่อฟัง และถวายชีวิตต่อพระเจ้าต่อไป


เบธเอล  บ้านของพระเจ้า เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของยาโคบไปตลอดกาล  จากคนที่เคยโกหก หลอกลวง ดึงดัน แย่งชิง หลอกล่อ คนอื่นๆ เพื่อจะได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการโดยไม่สนใจวิธีการที่ถูกต้อง  ชีวิตเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับพระเจ้าและยอมรับการเปลี่ยนแปลงจากพระองค์  แม้ไม่ใช่เปลี่ยนทั้งหมดในทันที แต่เขายังมีความเชื่อและเรียนรู้แก้ไขตัวเองเสมอมา เพราะช่วงที่เขาได้ไปอยู่กับลุงและแต่งงานกับลูกสาวทั้งสองนั้น ยาโคบยังใช่วิธีการต่างๆ เพื่อจะได้แพะแกะมาเป็นต้องตนเองแบบน่ากังขาอยู่ด้วยและเขาก็ยังถูกลุงใช่เล่ห์เหลี่ยมเอาเปรียบด้วยเช่นกัน
พระเจ้าเป็นผู้ช่วยเหลือยาโคบจนกระทั่งชีวิตเขาพร้อมจะยอมจำนนต่อพระองค์ในทุกทาง  (ปฐก.32.22.32) ชื่อของยาโคบถูกเปลี่ยนเป็น "อิสราเอล"  ที่เปนิเอล ระหว่างเดินทางจากบ้านลุงหรือพ่อตากลับมายังบ้านบิดาตน  ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเอซาวพี่ชายที่ถูกเขาแย่งชิงสิทธิการรับมรดกไป ยาโคบกลัวอย่างจับใจ เขาคงจิตนาการถึงความโกรธของเอซาวได้ดี เพราะพี่ชายเป็นนักล่าสัตว์มือฉมังและมีรูปร่างที่ขึงขังเสียงดัง และยังมีกองกำลังเป็นของตนเองด้วย  ส่วนยากโคบมีเพียงฝูงสัตว์และลูกเมียที่ยังอ่อนด้อยในเรื่องการรบสู้  ในช่วงเวลานั้นเองยาโคบรับการช่วยเหลือจากพระเจ้าอีกครั้ง  แม้เขาจะเป็นผู้ชนะในการปล้ำสู้ แต่พระเจ้าผู้ทรงอำนาจทำให้เอ็นตะโพกของเขาเสียหายจนต้องเดินขาเขยกตลอดชีวิต เพื่อเตือนใจเขาให้พึ่งพระเจ้าเสมอ

"อิสราเอล" หมายถึง พระเจ้าทรงมีชัยชนะ (Israel = God prevails)  เขามีลูกชายสิบสองคนซึ่งเป็นต้นตระกูลคนสิบสองเผ่าที่ต่อมาเป็นชื่อของประเทศ "อิสราเอล" มาจนทุกวันนี้  มีเรื่องราวสืบทอดนานกว่าสี่พันปีมาแล้ว
อิสราเอล ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนแห่กันไปเยี่ยมชม สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิสราเอลเปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่อิสราเอลเพิ่มขึ้น 17% ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.ในปี 2018  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ มีนักท่องเที่ยว 2.5 ล้านคนเดินทางสู่อิสราเอลในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2018 นี้ เทียบกับจำนวน 2.13 ล้านคนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 
(อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/iq38/2869055)

ทั้งๆที่เป็นเมืองที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยกรวดหิน ภูเขาที่แห้งผากแทบไม่มีต้นไม้  แต่เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เด่นชัด มีความเคร่งครัดและเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวผู้เที่ยงแท้  แม้พวกเขาจะเริ่มต้นประเทศไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา (ค.ศ.1947) หลังจากที่ก่อนหน้านั้นต้องพลัดพรากจากบ้านเมืองนับพันปี  ยังกลับมามีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่น่าสนใจของคนทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง  พวกเขาสามารถพลิกพื้นดินที่เต็มไปด้วยหิน และแห้งแล้ง ให้กลายเป็นความอุดมสมบูรณ์ ส่งผลผลิตทางการเกษตรออกไปทั่วโลกได้อย่างมีคุณภาพ  มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยล้ำยุคแม้ถูกบุกโจมตี แต่ยังมีช่องทางยืนหยัดมาได้  เขาเปลี่ยนทรัพยากรที่ดูเหมือนไร้ค่าให้มีคุณค่าขึ้นมาที่คนอื่นต้องไปขอเรียนรู้  นี่คือส่วนหนึ่งที่ยืนยันว่า อิสราเอล เป็น แผ่นดินแห่งพันธสัญญา เป็นประชากรที่พระเจ้าทรงรักและทรงเลือกสรร  และพวกเขาก็พิสูจน์มาทุกยุคสมัยว่า เขาเป็นคนของพระเจ้าอย่างแท้จริงเช่นกัน...!

ณ เบธเอล บ้านของพระเจ้า ยาโคบ ได้พบกับพระเจ้าและรับการเปลี่ยนเปลี่ยนชีวิตได้ฉันใด  ณ บ้านของพระเจ้าที่เราเข้าเป็นลูกของพระองค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์  คุณและผมสามารถพบกับพระเจ้าและรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ฉันนั้น
พระคัมภีร์สอนว่า...
            แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์   ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์   พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ   หรือกาม   หรือความประสงค์ของมนุษย์   แต่เกิดจากพระเจ้า   (ยน.1.12-13)
                เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์   ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว   สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป   นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า   ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์   และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน (2คร.5.17-18)

คุณมาถึง เบธเอล บ้านของพระเจ้า  ได้พบกับพระองค์และพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือยัง ?
อย่าหยุดอยู่กับชีวิตที่หลอกลวงและสังคมที่อลวนอยู่อีกต่อไปเลย  มุ่งหน้าเดินไปให้ถึง เบธเอล บ้านของพระเจ้า พระบิดาที่พร้อมอ้าแขนต้อนรับให้ได้นะครับ...
ขอยืนยันด้วยประสบการณ์และเป็นกำลังใจให้ !