25 พฤษภาคม 2562

ชีวิตกลับด้าน...Convert Life. โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต

ชีวิตกลับด้าน... Convert Life. 
โดย บัณฑิต ดาแว่น

การเดินทางข้ามน้ำมหาสมุทรจากไทยไปสู่อเมริกาในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยพระคุณและแผนการของพระเจ้าทั้งสิ้น เพราะผมเองไม่คาดคิดว่าปีนี้จะมีโอกาสเดินทางไกลอีก เพราะเพิ่งกลับจากการไปค่ายตามรอยพระคัมภีร์ร่วมกับผู้นำแบ๊บติสต์ ที่ประเทศอิสราเอลมาไม่ถึงสัปดาห์  พระเจ้าก็จัดเตรียมการเดินทางมารับใช้ที่รัฐฟลอริด้าในอเมริกาทันที  โดยการจองและซื้อตั๋วเครื่องบินเกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน 

ครั้งนี้เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines ของประเทศตุรกี จากสุวรรณภูมิถึงเมืองอิสตันบู(Istanbul)ใช้เวลาประมาณสิบเอ็ดชั่วโมง จากนั้นบินตรงไปยังเมืองไมอามี่ (Miami, Florida) รัฐฟลอริด้า อเมริกาอีกสิบสองชั่วโมง ข้ามเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืนแบบกลับด้านของชีวิตอย่างสิ้นเชิง


หากดูเวลาที่ไทยคือเจ็ดโมงเช้า ก็จะเท่ากับที่อเมริกาเจ็ดโมงเย็น หรือหนึ่งทุ่ม  ซึ่งเป็นเวลากลางคืนที่ตามหลังไทยนั่นเอง  จากการตรงข้ามของเวลาแบบนี้ทำให้ร่างกายต้องปรับเปลี่ยนและฝืนสู้กันอยู่ประมาณสองสามวัน  โดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณบ่ายสองบ่ายสามของอเมริกา เป็นเวลาที่ร่างกายควรจะนอนอย่างหลับสนิทที่ไทย สภาพแวดล้อมที่เห็นเป็นกลางวัน แต่ความรู้สึกข้างในนั้นดูเหมือนหลับไปครึ่งหนึ่งแล้ว หัวสมองจะรู้สึกมึนงง ความจำสับสนบางครั้ง หากเผลอนั่งอาจหลับในทันใด อาการเช่นนี้ที่เขาเรียกว่า Jet-lag คือการปรับเปลี่ยนของร่างกายและเวลาที่ขัดแย้งกัน

ผู้มีประสบการณ์แนะนำว่า เวลาเดินทางไปต่างประเทศควรลืมเวลาที่ไทยไปเลย จะได้ไม่ต้องพะวงและเกิดการเปรียบเทียบเวลา ซึ่งยิ่งจะทำให้ร่างกายและจิตใจยิ่งสับสนและปรับตัวช้าไปอีก เมื่อผมเชื่อและทำตามคำแนะนำก็ได้ผลดีจริง แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องฝืนเรื่องการกิน การนอน การทำกิจวัติประจำวันอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งปรับตัวได้

 เรื่องการลืมเวลาไทยผมเห็นด้วย แต่เรื่องการลืมค่าเงินบาทไทย ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีหรือไม่ เพราะหากซื้อของโดยไม่สนใจว่าตีเป็นค่าเงินบาทเท่าไหร่ อาจทำให้กลับไทยด้วยหนี้สินได้ง่ายๆ เพราะจากเงินอเมริกันหนึ่งดอลล่าก็ปาเข้าไปเท่ากับสามสิบกว่าบาทของไทยแล้ว  ดังนั้น ลืมเวลาไทยพอทำได้ แต่ลืมค่าเงินบาทนั้นต้องระวังไว้ดีกว่านะ...


ชีวิตกลับด้าน เป็นชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับตัว ปรับใจ และปรับวิธีการใช้ชีวิตแบบกลับด้านเช่นกัน จึงจะสามารถใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่นี้ได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพตามที่ควรเป็น 



เมื่อพระเจ้าให้เรามีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์  พระองค์ย้ายเราออกจากความมืดสู่ความสว่าง  ย้ายจากบึงไฟนรกสู่เมืองสวรรค์ (คส.1.13-14)  ดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพใหม่ให้ได้  แม้ในช่วงแรกจะต้องอดทนเพราะเหมือนมีการต่อสู้กันอยู่ภายในและภายนอก  คือสายตามองเห็นว่านี่คือเวลากลางวัน แต่ภายในระบบของร่างกายคุ้นเคยกับเวลากลางคืนของเมืองไทย เช่นเดียวกับความต้องการฝ่ายเนื้อหนังที่คอยต่อสู้ฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ  แม้จะรับชีวิตใหม่แล้ว แต่ยังรู้สึกคุ้นเคยกับชีวิตเก่า ดังนั้น...

จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง  เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้ (กท.5.16-17)   และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าโดยพระเมตตากรุณาจากพระองค์ทั้งภายในและภายนอก มอบถวายชีวิตจิตใจให้กับพระเจ้าซึ่งจะเป็นที่พอพระทัย อย่าประพฤติตามอย่างแฟชั่นคนในยุคสมัยนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม (รม.12.1-2)

เมื่อปรับตัว ปรับใจ ปรับพฤติกรรมในแนวทางชีวิตใหม่อย่างกลับด้านได้แล้ว จะพบว่ามีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเกินความเข้าใจรออยู่อีกมากมาย   หลายคนต้องเสียดายและเสียใจ หากยังขืนใช้ชีวิตแบบครึ่งๆ กลาง ลุ่มๆ ดอนๆ คือ เอาแน่เอานอนไม่ได้



อย่ากระนั้นเลย  รีบกลับตัว กลับใจ ใช้ชีวิตแบบกลับด้าน คือด้านชีวิตใหม่ให้เร็วที่สุด ย่อมดีกว่าแน่นอน

คุณเห็นด้วยมั้ยครับ !