26 ตุลาคม 2562

“ผู้รับใช้ของพระเจ้า” (มือใหม่) The servant of God โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต

“ผู้รับใช้ของพระเจ้า(มือใหม่)   
โดย ศาสนาจารย์ บัณฑิต ดาแว่น 

วันนี้ มีโอกาสแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าสำหรับนักศึกษาพระคริสตธรรมในวันรับวุฒิบัตร จากนี้จะต้องออกไปสนามรับใช้จริง จะถูกเรียกขานว่า “ผู้รับใช้ของพระเจ้า”   จะมีทั้งคนให้เกียรติ คาดหวัง ในขณะเดียวกันจะมีคนคอยสังเกตและพิสูจน์ฝีมือการทำงานของผู้รับใช้มือใหม่ไปด้วย
จะเตรียมตัว และรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างไร มีเรื่องที่จะขอให้ทำสองเรื่อง
โดยประยุกต์จากพระคัมภีร์ 2 ทิโมธี บทที่ 1 ข้อ 1 - 14
1.  ขอให้มั่นใจว่ามีผู้คอยเป็นกำลังใจอยู่เบื้องหลังเสมอ (ข้อ 1-4)
จาก   เปาโล   อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า   ผู้ได้รับมอบการประกาศพระสัญญา   ที่จะทรงประทานชีวิตซึ่งมีในพระเยซูคริสต์  
 2ถึง   ทิโมธี   บุตรที่รักของเรา  
 ขอพระคุณและพระเมตตา   และสันติสุขจากพระบิดาเจ้า   และพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   จงดำรงอยู่กับท่านเถิด 3เมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในการอธิษฐานอยู่เสมอนั้น   ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ด้วยจิตสำนึกอันบริสุทธิ์เช่นบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 4ขณะเมื่อระลึกถึงน้ำตาของท่าน   ข้าพเจ้าก็ปรารถนาทั้งวันทั้งคืนที่จะได้พบท่าน   ซึ่งจะทำให้ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่ง
ผู้ที่จะคอยเป็นกำลังใจคือ คณาจารย์
อาจารย์ยังคิดถึงลูกศิษย์เสมอ  ดังที่อาจารย์เปาโลระลึกถึงและอธิษฐานเผื่อทิโมธีเสมอ  ขอให้รู้และมั่นใจว่ามีบรรดาอาจารย์และผู้หลักผู้ใหญ่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ  ดังนั้น จบออกไปแล้ว อย่ากระดี๊กระด๊าจนเกินไป อย่าหลงเพลินไปกับความมีอิสระเสรี ที่ผ่านมานั้นถูกกรอบของกฎระเบียบที่สถาบันให้ฝึกฝนมานาน  ในหัวอกของอาจารย์เหมือนพ่อแม่ที่คอยมองลูกๆ เสมอ แม้เขาจะเก่งขนาดไหน อายุมากขึ้นเท่าไหร่ แต่พ่อแม่ยังคิดถึงลูกน้อยของตนอยู่เรื่อยไป  และด้วยพลังแห่งความคิดถึงนี่แหละที่จะออกมาเป็นคำอธิษฐานเพื่อพวกท่าน  ดังนั้น บุตรชาย บุตรหญิงของเราเอ๋ย อย่าลืมคำสั่งสอนของพ่อแม่เจ้านะ อย่างที่สุภาษิตสอนว่า
 8บุตรชายของเราเอ๋ย  จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้า   และอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า  
 9เพราะทั้งสองนั้นเป็นมงคลงามสวมศีรษะของเจ้า   เป็นจี้ห้อยคอของเจ้า
   Proverbs 1:8-9
ผู้ที่จะสถิตอยู่กับท่านเสมอ คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้ายังคงสถิตอยู่กับท่านเสมอ ดังที่อาจารย์เปาโลอวยพรไว้ว่า...ขอพระคุณและพระเมตตา   และสันติสุขจากพระบิดาเจ้า   และพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   จงดำรงอยู่กับท่านเถิด
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้คิดถึงและมั่นใจใน พระคุณ พระเมตตา และ สันติสุขจากพระบิดาเจ้า และพระเยซู ผู้สถิตอยู่ด้วย และผู้ทรงดำรงอยู่ คือ มีชีวิตอยู่ มีอำนาจอยู่ ตามพระสัญญาของพระองค์ ที่เมื่อใช้เราออกไปก็จะทรงให้สิทธิอำนาจ และสถิตอยู่ชูช่วยเสมอไปเช่นกัน 
18พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า   “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี   ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว 19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ   ให้เป็นสาวกของเรา   ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา   พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้   นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป   จนกว่าจะสิ้นยุค Matthew 28:18-20

2. ขอให้เตรียมชีวิตเพื่อพิชิตทุกสถานการณ์ให้ได้ (ข้อ 5-14)
1. จงมีความเชื่ออย่างจริงใจ (5)
5ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน   อันเป็นความเชื่อซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน   และในยูนีสมารดาของท่าน   และบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน
ให้มีความเชื่อที่จริงใจ  คือ เชื่อออกมาจากใจของตนเอง ไม่ใช่แค่ฟังหรือรับรู้มาจากคนอื่นเท่านั้น แต่ต้องมีประสบการณ์แห่งความเชื่อในพระเจ้าด้วยตนเองอย่างแท้จริง
2. จงใช้และพัฒนาของประทานอย่างเต็มที่ (6-7)
6อันของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน   โดยที่ข้าพเจ้าได้เอามือวางบนท่านนั้น   ขอเตือนว่าท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น 7เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา   แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์   ความรัก   และการบังคับตนเองให้แก่เรา  
ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด  แม้พระเจ้าจะให้ของประทานและความสามารถแล้ว แต่หากไม่ฝึกฝน ไม่พัฒนา ก็จะใช้การไม่ได้เมื่อถึงเวลา
ท่านปัญญาจารย์สอนไว้ว่า  10ถ้าขวานทื่อแล้ว  และเขาไม่ลับให้คม   เขาก็ต้องออกแรงมาก   แต่สติปัญญาจะช่วยให้บรรลุความสำเร็จ   Ecclesiastes 10:10
                3. จงมีใจกล้าและอดทน (8-12)
8อย่าละอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   หรือฝ่ายตัวข้าพเจ้าที่ถูกจำจองอยู่เพราะเห็นแก่พระองค์   แต่จงมีส่วนในการยากลำบาก   เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ   โดยอาศัยฤทธิ์เดชแห่งพระเจ้า 9ผู้ทรงช่วยเราให้รอด   และทรงให้เรามาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์   ไม่ใช่เพราะเห็นแก่การดีที่เราได้กระทำ   แต่เพราะเห็นแก่พระประสงค์ของพระองค์เอง   และพระคุณซึ่งทรงประทานแก่เรา   ในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มานั้น
10และบัดนี้ได้ทรงสำแดงให้ประจักษ์   โดยการที่พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเราเสด็จมา   ผู้ได้ทรงกำจัดความตายให้สูญสิ้น   และได้ทรงกระทำให้ชีวิตและสภาพอมตะกระจ่างแจ้งโดยข่าวประเสริฐ 11สำหรับข่าวประเสริฐนั้น   ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศ   เป็นอัครทูตและเป็นครู 12เพราะเหตุนั้นเองข้าพเจ้าจึงได้ทนทุกข์ลำบากเช่นนี้   ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอาย   เพราะว่าข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้เชื่อ   และข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า   พระองค์ทรงสามารถรักษาซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับพระองค์[ หรือ   ซึ่งพระองค์ได้ทรงมอบให้แก่ข้าพเจ้า ]    จนถึงวันพิพากษาได้

งานรับใช้ถือว่าเป็นงานที่ยากที่สุดในโลก และเป็นงานที่ง่ายที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ที่ “ยาก” เพราะเป็นการเปลี่ยนชีวิตของคน ซึ่งเราเองทำไม่ได้  ในขณะเดียวกันที่ “ง่าย” เพราะ พระเจ้าเป็นผู้กระทำกิจภายในชีวิตของเราและคนที่เชื่อด้วยฤทธิ์อำนาของพระองค์  ด้งนั้น ต้องมีใจกล้าด้วยความเชื่อ และอดทน เพราะนี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่เลือกใช้ชีวิตของท่าน
                4. จงดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า (13-14)
13จงประพฤติตามแบบแห่งคำสอนอันมีหลักที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้า   ด้วยความเชื่อและความรักซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ 14จงรักษาความจริงซึ่งได้ทรงมอบไว้แก่ท่านโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์   ซึ่งทรงสถิตอยู่ภายในเรา  
เกราะป้องกันในการรับใช้ที่ดีที่สุดคือ การดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ ผู้อาวุโสให้คำแนะนำไว้ว่าให้ใช้หลักการ ท-ท-ท-ท = “ทำอย่างที่เทศน์ และ เทศน์อย่างที่ทำ” อย่าเปิดช่องโหว่ให้มารหรือใครมาโจมตีเราได้  แม้วันนี้ยังไม่เก่ง ไม่เข้าใจ ไม่ได้มีประสบการณ์มากนัก แต่หากชีวิตดี มีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง สิ่งเหล่านี้ต้องมีการฝึกฝน พัฒนา อุตส่าห์พยายามอยู่เสมอ อย่าอวด ดี อวดเก่ง แต่จงใช้ชีวิตให้สมกับเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด

ขอให้ผู้รับใช้ของพระเจ้า (มือใหม่) จดจำเรื่องที่ขอในวันนี้... 
ขอให้มั่นใจว่ามีผู้คอยเป็นกำลังใจอยู่เบื้องหลังเสมอ ทั้งบรรดาอาจารย์ และที่สำคัญพระเจ้าอยู่กับท่าน
ขอให้เตรียมชีวิตเพื่อพิชิตทุกสถานการณ์ให้ได้  โดย..
จงมีความเชื่ออย่างจริงใจ  จงใช้และพัฒนาของประทานอย่างเต็มที่
จงมีใจกล้าและอดทน  จงดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า
อาเมน !


18 ตุลาคม 2562

คำถามที่ยากของชีวิต พระเยซูคริสต์มีทางออก โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต

คำถามที่ยากของชีวิต 
พระเยซูคริสต์มีทางออก  
โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น
ช่วงเวลาผมที่ต้องรับผิดชอบงานอย่างหนัก แต่พระเจ้ายังเพิ่มโอกาสรับใช้ผู้คนที่กำลังทุกข์โศกเศร้า เพื่อนำการปลอบประโลม ให้ความหวัง กำลังใจตามหลักการแห่งพระวจนะ อีกทั้งประกาศความจริงออกไป  แม้จะรู้สึกเหนื่อยกาย(ตามวัยที่เริ่มโรยรา)แต่ใจกลับมีพลัง และยังพร้อมทำงานเพื่อเชิดชูพระนามต่อไป  จึงได้นำบางส่วนมาแบ่งปันไว้ตรงนี้...
ในความเป็นมนุษย์ที่มีความจำกัด มีหลายเรื่องที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แม้อยากจะรู้และอยากจะเข้าใจ ก็ยังยากที่จะสรุปแบบชัดๆ ว่าเป็นเพราะอะไร  โดยเฉพาะเวลาที่มีความทุกข์โศกเศร้า  คนที่รักต้องจากไป ภัยพิบัติถาโถมเข้ามา หลายเรื่องหลากปัญหากระหน่ำมาแบบไม่ยั้ง  อาจมีคำถามมากมายเกิดขึ้น  ไม่มีใคร แม้กระทั่งผู้รับใช้ (ผม) ก็ไม่อาจมีคำตอบที่จุใจได้
เรายังสามารถเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าได้อยู่มั้ย ??  คำตอบคือ ยังเชื่อในพระเจ้าได้ เพราะการที่เราไม่รู้คำตอบบางเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่มีจริง หรือ พระเจ้าช่วยไม่ได้  เพราะยังมีหลายเรื่องที่เรารู้ได้และพระคัมภีร์สอนว่าเท่าที่รู้ก็เพียงพอแล้วที่จะเชื่อได้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า และมีชีวิตที่นิรันดร์มั่นคงได้ โดยพระนามพระเยซู  ดัง ที่ ยอห์นลูกศิษย์คนสนิทของพระเยซูบันทึกว่า
พระเยซูได้ทรงกระทำหมายสำคัญอื่น ๆ   อีกหลายประการต่อหน้าสาวกเหล่านั้น   ซึ่งไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ แต่การที่ได้บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้   ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า   พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์   พระบุตรของพระเจ้า   และเมื่อมีความเชื่อแล้ว   ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์  (John 20:30-31)
ตัวอย่างจากพระคัมภีร์ยอห์นบทที่ 9 บันทึกเรื่องราวชายคนหนึ่ง เขาเกิดมาตาบอด และได้รับการรักษาจากพระเยซูอย่างอัศจรรย์  ช่วงแรกครอบครัวของเขาและคนอื่น ๆ คงมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทำไมเด็กที่เกิดมาจึงตาบอด หรือ มีปัญหาในชีวิตทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งเกิดมา และปัญหานั้นยังคงอยู่ในชีวิตหลายปี จนกระทั่งสาวกของพระเยซูนำคำถามนี้ไปถามพระเยซู  เรื่องราวบันทึกว่า

เมื่อพระองค์เสด็จดำเนินไปนั้น   ทรงเห็นชายคนหนึ่งตาบอดแต่กำเนิด  และพวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า   “พระอาจารย์เจ้าข้า   ใครได้ทำผิดบาป   ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา   เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูตรัสตอบว่า   “มิใช่ว่าชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขาได้ทำบาป   แต่เขาเกิดมาตาบอด   เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา (John 9:1-3)

คำถามเหล่านี้มักเกิดขึ้นเสมอเมื่อเผชิญกับความลำบากในชีวิต  ทั้งจากคนรอบข้างและในครอบครัว  ทำไมปัญหาจึงเกิดขึ้น  ทำไมจึงเกิดภัยพิบัติกับบางคน ทำไมจึงเกิดอุบัติเหตุทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของคนนั้น  หลายคนมักจะหาที่กล่าวโทษ หาคนผิดมารับผิดชอบให้ได้  ซึ่งบางครั้งก็ไม่ง่ายอย่างนั้น  โดยธรรมชาติของคน มักมองว่าใครเป็นคนทำผิด และ ส่วนใหญ่มักมองว่า “คนอื่น” เป็นฝ่ายผิด !!  แต่เดี๋ยวนี้อ้างอย่างนั้นยากขึ้น เพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเก็บข้อมูล ถ่ายรูป บันทึกเสียง ถ่ายวีดีโอ ซึ่งบางครั้งเจ้าตัวไม่รู้ จึงยืนกรานว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่เมื่อเขานำหลักฐานมาแสดงก็แก้ตัวไม่ขึ้น ต้องยอมรับโดยดี หลายคนคงเคยรับใบสั่งพร้อมค่าปรับโทษฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีทั้งรูปถ่ายรถและป้ายทะเบียน ความเร็วของรถ ขณะที่ขับผ่านช่วงเวลานั้น  หลักฐานชัดเจนยากจะปฏิเสธ
สาวกของพระเยซู เป็นเสมือนตัวแทนของคนทั่วไป ที่อาจได้ยินเสียงซุบซิบจากคนรอบข้างของครอบครัวที่ลูกเกิดมาตาบอดนี้ว่า “ใครได้ทำผิดบาป ชายคนนี้ หรือพ่อแม่ หรือปู่ย่าตายายของเขา”  คำถามก็คือ เมื่อถามอย่างนี้ คิดว่า จะมีคำตอบที่ชัดเจนหรือไม่  เมื่อถามแล้ว จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา หรือจะนำความพึงพอใจให้แก่คนในครอบครัวนี้ได้หรือไม่
ฉันใด ก็ฉันนั้น ! เวลามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในครอบครัว หากเรามัวแต่จ้องจับผิดกันและกัน ผลสุดท้ายอะไรเกิดขึ้น ?  ส่วนใหญ่ น้ำตา เสียงดังโวยวาย และสุดท้ายก็พังพินาศไปทุกฝ่ายจริงหรือไม่ ?
 พระเยซูมีหลักคิดและแก้สถานการณ์แบบนี้อย่างไร ?  แม้พระเยซูจะรู้ และหากจะตอบว่าใครเป็นคนทำผิดทำบาป ก็สามารถตอบได้ว่า “ทุกคน” มีความผิดความบาปแน่นอน เพราะพระคัมภีร์บันทึกชัดว่า  เพราะว่าทุกคนทำบาป   และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (Romans 3:23)
พระเยซูมีวิธีที่จะช่วยให้รับคำตอบและมีทางออกที่ดีสำหรับชีวิต !
โดยทั่วไปปัญหาอาจเกิดมาจากหลายสาเหตุหรือสาเหตุใดสาเหตหนึ่งก็ได้ เช่น ปัญหาที่เกิดจากตัวเราเอง ปัญหาที่เกิดมาจากคนอื่นกระทำ  ปัญหาที่เกิดมาจากสภาพแวดล้อม ปัญหาที่เกิดมาจากผีมารซาตานวิญญาณชั่ว และ ปัญหาที่เกิดมาจากการทดสอบของพระเจ้า  ไม่ว่าจะเกิดจากกรณีใด  พระเจ้ายังรักและห่วงใยชีวิตของเราอยู่เสมอ 
กรณีครอบครัวที่มีลูกเกิดมาตาบอด พระเยซูอธิบายว่า... “มิใช่ว่าชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขาได้ทำบาป   แต่เขาเกิดมาตาบอด   เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา
คำตอบจากพระเยซู ช่วยให้พบความจริงว่า  พระเจ้ายังสามารถควบคุมทุก ๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราเสมอ  บางครั้งพระเจ้าอนุญาตให้บางเหตุการณ์เกิดขึ้นเพื่อช่วยเราให้รู้จักพระเจ้า และรับการช่วยเหลือจากพระองค์อย่างถูกทาง  สุดท้ายให้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า  เชื่อมั่นได้เสมอว่า มารมาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย  แต่พระเจ้ามาเพื่อให้ชีวิตที่ดีกว่า พระเยซูตรัสว่า  ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย   เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต   และจะได้อย่างครบบริบูรณ์ (John 10:10)
บางเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยากที่จะเข้าใจ แม้จะมีคำอธิบายต่าง ๆนานา แต่ยังไม่เพียงพอ  ถึงกระนั้นขอจงมั่นใจว่า พระเจ้าสามารถให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในชีวิตได้  แม้บางครั้งพระเจ้าไม่ได้ช่วยตามที่เราคาดหวัง แต่สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าเรายังเชื่อและรู้จักกับพระเจ้า นั่นคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต ที่พระเจ้าจะกระทำพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชีวิตได้
ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางชีวิตของเรา หากมัวจ้องจับผิดกันและกัน ไม่มีทางแก้ไขได้ แต่หากจดจ้องไปที่พระเจ้า แสวงหาคำตอบ และการช่วยเหลือจากพระองค์  จะเป็นคำตอบและทางออกที่ดีทุกสุดในชีวิตได้
ท่านอยากจะได้รับคำตอบและทางออกของปัญหาชีวิตจากพระเจ้าหรือไม่ ?
พระเจ้าพร้อมช่วยท่าน  ขอให้อธิษฐาน ทูลวิงวอนต่อพระองค์ได้ด้วยตัวท่านเอง
หรือติดต่อผู้เชื่อพระเยซูที่อยู่ใกล้ๆท่านเพื่อรู้ช่องทางต่อไปได้

(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)