19 พฤษภาคม 2563

จงมั่นคงในความเชื่อ - Stand firm in the faith. โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต
จงมั่นคงในความเชื่อ - Stand firm in the faith.
โดย บัณฑิต ดาแว่น 

ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง   จงมั่นคงในความเชื่อของท่าน   จงเป็นลูกผู้ชายแท้   จงเข้มแข็ง
ทุกสิ่งซึ่งท่านกระทำนั้น   จงกระทำด้วยความรัก
Be watchful, stand firm in the faith, act like men, be strong.
Let all that you do be done in love.  - I Corinthians 16:13-14

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังหาความแน่นอนไม่ได้  จึงต้องตั้งใจดูแลชีวิตให้ดี
นอกจากระมัดระวังอยู่เสมอแล้ว ยังมีคำแนะนำจากพระวจนะต่อไปอีกคือ...

จงมั่นคงในความเชื่อ - Stand firm in the faith.

“ความมั่นคง”Stand firm  พระคัมภีร์ตอนนี้ให้เห็นภาพว่า  เป็นการยืนหยัดอย่างมั่นคง  พร้อมจะขับเคลื่อนต่อไปได้  พยายามรักษาการยืนอยู่  เป็นการตั้งค่าของอุปกรณ์ที่จะใช้งานให้พร้อม  เป็นเตรียมพร้อมที่จะให้การต่อหน้าผู้พิพากษา  พร้อมที่จะอยู่หรือจะไปอย่างมั่นคง  ยังสามารถรักษาความมั่นคง หรือพลังอำนาจไว้  มีความมั่นคงไม่ลังเลและมีความปลอดภัย  ถ้าเป็นอาคารก็มีความมั่นคงปลอดภัย ถ้าเป็นการทำธุรกิจก็พร้อมจะซื้อจะขายอย่างมั่นใจ ถ้าเป็นการเดินทางก็พร้อมจะขับเคลื่อนอย่างมั่นคงปลอดภัยและมีทิศทาง เป็นนักมวยพร้อมสู้ นักกีฬาพร้อมแข่งขัน


จะมั่นคงในอะไร พระคัมภีร์สอนว่า... ต้องมั่นคงในความเชื่อ

 “ความเชื่อ” ในที่นี่หมายถึง  ความเชื่อมั่นในความจริงของพระเจ้าที่ทรงเป็น ทรงอยู่ และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ เชื่อในความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า  เป็นความเชื่อที่มั่นคง ไว้ใจได้ ยังคงสัตย์ซื่อในพระเจ้าเสมอ

+ เชื่อในพระเจ้า ในฐานะที่ทรงเป็นพระผู้สร้างและทรงมีอำนาจครอบครองเหนือทุกสรรพสิ่ง และทรงมีแผนการณ์แห่งการช่วยให้รอดผ่านทางพระเยซูคริสต์

+ เชื่อในพระเยซูคริสต์ ในฐานะทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด (พระเมสสิยาห์)และเชื่อในชีวิตนิรันดร์ที่ทรงประทานให้และเชื่อมั่นว่าจะได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์กับพระองค์

ความมั่นคงในความเชื่อ โดยภาพรวมแล้ว จึงเป็นการยืนหยัดและยืนยันถึงความจงรักภักดีต่อพระเจ้า ต่อพระเยซูคริสต์  ด้วยความมั่นคงศรัทธา พร้อมที่จะประพฤติ ปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าด้วยความตั้งใจแน่วแน่ แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด ยังมั่นใจในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ไม่แปรเปลี่ยน


จะมั่นคงในความเชื่อได้อย่างไร – How to stand firm in faith ?

1. ยืนหยัดอยู่ในข่าวประเสริฐStand firm in the gospel.
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย   ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐ   ที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย   ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้   อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ - I Corinthians 15:1

2. แต่งตัวให้พร้อมด้วยยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า – Stand firm in whole armor of God.
จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า   เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้   เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น   และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้ - Ephesians 6:11-13

3. มีความศรัทธาอย่างเต็มขนาดและเชื่อฟังเต็มที่ – Stand firm in faith and obey.
เอปาฟรัส ขอ​ฝาก​ความ​ระลึก​ถึง​มา เขา​เป็น​อีก​คน​หนึ่ง​ใน​คณะ​ของ​ท่าน​และ​เป็น​ผู้​รับใช้​พระเยซู​คริสต์​และ​อธิษฐาน​เพื่อ​ท่าน​เสมอ ทั้ง​ทูล​ขอ​พระเจ้า​ให้​โปรด​ช่วย​ท่าน​ให้​มั่นคง เป็น​คริสตชน​ที่มี​ความ​ศรัทธา​เต็ม​ขนาด และ​เชื่อฟัง​พระประสงค์​ของ​พระองค์​เต็มที่ - Colossians 4:12 (TCL)

4. ยืนหยัดในฐานะเสรีชนคนที่รับการไถ่บาปโดยพระเยซูคริสต์Stand firm in freedom of Christ.
ไม่กลับไปอยู่ใต้ธรรมบัญญัติเพื่อจะทำให้ตนเองรอด แต่พึ่งอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ที่ช่วยชีวิตให้หลุดพ้นจากบาปแล้วโดยพระคุณ
พระเยซู​ทรงให้​เรา​เป็น​ไท​แล้ว เรา​จึง​เป็น​อิสร​ชน! ฉะนั้น จง​ยืนหยัด​ดัง​ผู้​ที่​เป็น​เสรี​ชน   อย่า​ยอม​ตัว​ตก​ไป​เป็น​ทาส​อีก  - Galatians 5:1 (TCL)

5. มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน – Stand firm in unity.
ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์   เพื่อว่าแม้ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่ก็ตาม   ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ข่าวของท่านว่า   ท่านเชื่อมั่นคง   เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน   ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น - Philippians 1:27

6. ยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้า – Stand firm in the Lord.
เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า   ผู้เป็นที่รัก   เป็นที่ปรารถนา   เป็นที่ยินดี   และเป็นมงกุฎของข้าพเจ้า   พวกที่รักของข้าพเจ้า   จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด   - Philippians 4:1

7. ยึดถือในพระวจนะของพระเจ้า – Stand firm in the word of God
เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงมั่นคงไว้   และยึดถือโอวาทที่ท่านได้เรียนจากเรา   ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือด้วยจดหมาย   - II Thessalonians 2:15

8. มั่นคงในการทำงานของพระเจ้า – Stand firm in work of God
เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า   ท่านจงตั้งมั่นอยู่   อย่าหวั่นไหว   จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา   ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า   โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า   การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้ - I Corinthians 15:58

ขอพระเจ้าให้ท่านมีความเชื่อที่มั่นคง และดำรงชีวิตด้วยความมั่นใจในทุกสถานการณ์ นะครับ


15 พฤษภาคม 2563

จงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง – Be Watchful. โดย บัณฑิต ดาแว่น



คิดอย่างบัณฑิต
จงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง Be Watchful.
โดย บัณฑิต ดาแว่น

ในช่วงเวลานี้ที่มีความเสี่ยงมากมาย จึงจำเป็นต้องมีความระมัดระวัง  เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนและไม่ตกเป็นเหยื่อ
อาจารย์เปาโลใช้ถ้อยคำเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เชื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติ

ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง   จงมั่นคงในความเชื่อของท่าน   จงเป็นลูกผู้ชายแท้   จงเข้มแข็ง
ทุกสิ่งซึ่งท่านกระทำนั้น   จงกระทำด้วยความรัก
Be watchful, stand firm in the faith, act like men, be strong.
Let all that you do be done in love.  - I Corinthians 16:13-14

จะทำอย่างไรจึงจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ...ขอเสนอตามหลักพระวจนะตอนนี้ว่า...จงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง

จงระมัดระวัง – Be Watchful.

ฝ่ายร่างกายเพื่อให้สุขภาพดี มีความปลอดภัย  ยังต้องรักษาความสะอาด ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอานามัย  อยู่ในที่ปลอดภัย ไม่เข้าไปในกลุ่มเสี่ยง หากเลี่ยงไม่ได้ ต้องเว้นระยะห่าง 

ฝ่ายจิตวิญญาณ ยิ่งต้องระมัดระวัง !

พระคัมภีร์ให้ความหมาย  “ระมัดระวัง” Be watchful  คือ การจดจ่อ จดจ้อง แบบใส่ใจอย่างแน่วแน่  รอบคอบ มีความกระตือรือร้น  เป็นการตื่นขึ้นจากหลับ หรือแสดงการมีชีวิตอยู่ (ฟื้นจากความตาย) ลุกขึ้นจากที่นอน หรือ เตรียมพร้อม เหมือนนักมวยที่ยืนในท่าที่มั่นคงและเต้นฟุตเวิร์กตั้งการ์ดพร้อมต่อสู้  หากเป็นการก่อสร้างก็มีการเตรียมฐานและสามารถต่อเติมขึ้นไปได้อย่างมั่นคง

เหตุผลที่ต้องมีการระมัดระวัง – The reason why to be watchful.

1. เพราะไม่รู้วันเวลาการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซู –  For you know neither the day nor the hour.
เหตุฉะนั้น   จงเฝ้าระวังอยู่   เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น -Matthew 25:13

2. เพื่อจะมีความพร้อมทั้งกายและจิตวิญญาณ – For ready in your physical and spiritual.
ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน   เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทดลอง   จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง   แต่กายยังอ่อนกำลัง” - Matthew 26:41

3. เพื่อจะทำหน้าที่ด้วยใจขอบพระคุณ – For being watchful in it with thanksgiving.
จงขะมักเขม้นอธิษฐาน   จงเฝ้าระวังอยู่ในการนั้นด้วยขอบพระคุณ - Colossians 4:2

4. เพื่อจะป้องกันไม่ให้ศัตรูโจมตีได้For protection from devil.
ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี   ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ   ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ - I Peter 5:8
5. เพื่อจะไม่ถูกหลอกจากผู้สอนผิด - For protection from  false teacher.
พี่น้องทั้งหลาย   ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน   ให้สังเกตดูคนเหล่านั้นที่ก่อเหตุวิวาทและทำให้คนอื่นหลง   ซึ่งเป็นการผิดคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา   จงเมินหน้าจากคนเหล่านั้น -  Romans 16:17

6. เพื่อจะช่วยทั้งตนเองและคนอื่นได้ – For save both yourself and other.
จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน   จงยึดข้อที่กล่าวนี้ให้มั่น   เพราะเมื่อกระทำดังนั้น   ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้ - I Timothy 4:16

7. เพื่อจะได้รับบำเหน็จอย่างเต็มที่ – For may win a full reward.
ท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี   เพื่อท่านจะได้ไม่สูญเสียสิ่งที่ท่านได้กระทำมาแล้ว   แต่อาจจะได้รับบำเหน็จเต็มที่ - II John 1:8

เมื่อรู้เหตุผลอย่างนี้แล้ว ยิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังให้มากขึ้น
อาเมนมั้ยครับ !
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)

09 พฤษภาคม 2563

ล่องทะเลกาลิลี มีพระเยซูอยู่ด้วย Take Galilee’s boat with Jesus. โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิตข้อคิดจากอิสราเอล
ล่องทะเลกาลิลี  มีพระเยซูอยู่ด้วย
Take Galilee’s boat with Jesus.
โดย บัณฑิต  ดาแว่น

หลังจากอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ ใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้า และกินอาหารเช้าคือขนมปังทาด้วยปลาทูน่าใส่ต้นหอมผักชี มีแอปเปิลอีกหนึ่งลูก  เปิดคอมพิวเตอร์ตรวจงานที่คงค้างและงานที่ต้องทำ เปิดเฟสบุค ไลน์ และอุปกรณ์สื่อสาร ติดตามข่าวสารทั่วไป
เฟสบุค ผู้รู้ใจยิ่งกว่าคนข้างๆ และรู้ดียิ่งกว่าตัวเราเอง แสดงความทรงจำขึ้นมาหน้าแรกว่า “วันนี้เมื่อปีที่แล้ว” (9 พฤษภาคม 2019)  ภาพผมอยู่บนเรือโบราณที่กำลังพาล่องไปในทะเลกาลิลี ประเทศอิสราเอล  เป็นประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น กับทะเลแห่งตำนานที่ยังมีชีวิต  โดยพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าใช้เวลาสั่งสอน และดำเนินชีวิต พันธกิจ ในบริเวณทะเลกาลิลี และรอบ ๆ ชายฝั่งนี้ เมื่อสองพันปีก่อน  และตอนนี้ผมได้ร้องเพลงนมัสการ สรรเสริญพระเจ้า ร่วมกับบรรดาผู้ศรัทธาจากทั่วไทยร้อยกว่าคน  วันนั้นเราแยกกันลงเรือสองลำแต่ใช้เชือกผูกติดกันไว้ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกันในช่วงเวลาพิเศษ
ผู้นำบนเรือ ที่เป็นทั้งเจ้าของและกัปตัน ทักทายต้อนรับด้วยภาษาฮีบรู อังกฤษ และภาษาไทยบางคำ จากนั้นเราร้องเพลงชาติไทย พร้อมเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสา และเข้าสู่การร้องเพลงนมัสการ สรรเสริญพระเจ้า นับเป็นบรรยากาศที่ตราตรึงอยู่ในใจไม่รู้ลืม  ยิ่งตอนร้องเพลง พระคุณพระเจ้า  - Amazing grace ด้วยเสียงประสานทั้งไทย อังกฤษ และ ฮีบรู ยิ่งทำให้ขนลุก สำนึกถึงพระคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ขึ้นมาอยู่บนเรือที่ลอยบนทะเลกาลิลีแห่งนี้  สัมผัสในหัวใจว่าพระเยซูทรงสถิตอยู่บนเรือด้วย
เจ้าของเรือ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านั้นเขายังไม่เชื่อพระเยซู เขาเป็นยิวที่ยึดมั่นในความเชื่อตามบรรพบุรุษเรื่อยมา แต่ชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลาน เนื่องจากยากจนและการศึกษาน้อยจึงต้องมาทำงานบนเรือคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว หลายครั้งที่เขามักได้เห็น ได้ยินเสียงผู้คนที่มาสรรเสริญพระเจ้าและมีชีวิตที่ดูแล้วมีความสุข  ในที่สุดเขาจึงได้มาเชื่อในพระเยซูและพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต  จากการเป็นลูกเรือที่คอยทำงานรับจ้าง กลายมาเป็นเจ้าของเรือที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก  แต่เบื้องหลังกว่าจะได้เรือมาเป็นของตนเองนั้น เกิดจากพระคุณพระเจ้าที่เมตตาเขานั่นเอง  เนื่องจากเขาได้มาเชื่อพระเยซูเพราะการทำงานบนเรือ  เขาจึงอยากมีเรือเพื่อใช้เป็นที่นมัสการพระเจ้า และเรือที่เขาต้องการคือ เรือที่มีลักษณ์คล้ายกับสมัยพระเยซู  แต่ว่าไม่มีเงินมากพอ สุดท้ายพระเจ้าดลใจให้เศรษฐีเจ้าของเรือโบราณขายให้ในราคาพิเศษ เพราะเห็นความตั้งใจที่เขาไปอ้อนวอนหลายต่อหลายครั้ง  ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 ที่คณะของเราไป  เขามีเรือสองลำแล้ว ตั้งชื่อเรือตามพระคัมภีร์  หนึ่งโครินธ์ บทที่ 13.ข้อ13 ที่ว่า...จงตั้งอยู่สามสิ่งคือ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก...  ตอนนี้เราอยู่บนเรือทั้งสอง คือ เรือ ความเชื่อ ( Faith) และ เรือ ความหวัง (Hope) และเขาตั้งใจว่าจะมีเรือลำที่สามต่อไปถ้าพระเจ้าเมตตา แน่นอนจะใช้ชื่อว่า ความรัก (Love) เขาชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อก่อนร้องเพลงทั่วไปด้วยความเมามาย แต่ตอนนี้เขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและประกาศพระนามพระเยซูบนเรือโบราณที่ระลึกถึงพระเยซูต่อหน้านักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละปี

ทะเลกาลิลี  เป็นสถานที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมาย  เมื่อเขาได้พบกับพระเยซู  มีคนเด่นๆ ที่เป็นที่รู้จักมาจนทุกวันนี้  คือ สองพี่น้อง เปโตรและอันดรูว์  และอีกสองพี่น้องคือ ยากอบและยอห์น บุตรเศเบดี(มธ.4.18-22)  ทั้งสี่คนเป็นชาวประมง จับปลาเลี้ยงชีพอยู่ในทะเลกาลิลี เมื่อพระยซูทรงเรียก พวกเขาก็ทิ้งเรือ ทิ้งแหและอวน แล้วตามพระองค์ไป พวกเขาจึงกลายเป็น ผู้จับคน แทนการจับปลา ทำให้ผู้คนทั่วโลก รวมทั้งผมและอีกหลายคนได้เป็นลูกศิษย์พระเยซูด้วย
ทะเลกาลิลี เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่สวยงาม  มีปลาชุกชุม โดยเฉพาะปลาที่เราคุ้นเคยดีคือ ปลานิล (เรากินมื้อเที่ยงที่นั่น จะเล่าให้ฟังต่อไปครับ) ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 213 เมตร ยาว 22.5 กิโลเมตร กว้าง 9.5 กิโลเมตร  รับน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนตอนบน  ทะเลนี้มีหลายชื่อ บ้างก็เรียกว่า เยเนซาเรท (ลก.5.1) ทิเบเรียส (ยน.6.1,21.1) ในพระคัมภีร์เดิมเรียก คินเนเรท (กดว.34.11) เพราะมีรูปร่างคล้ายพิณ (ยชว.11.2)
ท้องทะเลกาลิลีและบริเวณรอบ ๆ มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำพันธกิจและการอัศจรรย์ของพระเยซูอย่างมากมาย พระเยซูใช้เวลาอยู่บริเวณนี้เพื่อสั่งสอนทั้งบนเรือในกลางทะเล หรือนั่งบนเรือแล้วสอนคนที่อยู่ชายฝั่ง  มีการอัศจรรย์หลายครั้ง เช่น ทรงช่วยให้เปโตรและเพื่อนจับปลาตอนกลางวันได้จนเต็มลำ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาหามาทั้งคืนแต่ไม่ได้สักตัว(ลก.5.1-11) ห้ามลมพายุให้สงบในฉับพลัน(มธ.8.23-27) ทรงเดินบนน้ำไปหาสาวกที่เผชิญพายุกลางทะเลและช่วยเปโตรให้เดินมาหาพระองค์เมื่อเขากำลังจมก็ช่วยขึ้นมาอย่างปลอดภัย(มธ.14.22.36)  ทรงเลี้ยงคนนับหมื่นด้วยอาหารเพียงเล็กน้อย(ยน.6) รักษาคนถูกผีสิงให้หายเป็นปกติ (มก.5.1-13)และยังมีเหตุการณ์หลังจากเป็นขึ้นมาจากความตาย ก็ทรงปรากฏให้สาวกได้เห็นและจัดเตรียมปลาให้พวกเขากินด้วย(ยน.21)
ณ ทะเลกาลิลี ที่มีพระเยซูอยู่ด้วย ทรงช่วยให้เกิดสิ่งพิเศษและมหัศจรรย์  จนทำให้ผมและอีกหลายคนได้มาตามรอยพระบาทและรับประสบการณ์แสนพิเศษในครั้งนี้ ด้วยหัวใจที่ตื้นตัน สำนึกในพระคุณ การช่วยกู้ การจัดเตรียม การทรงนำ และการอวยพรแก่ชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้

สิ่งที่ผมทำได้คือ ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ ก็จะป่าวประกาศพระนามพระเยซู ผู้ทรงพระคุณนี้ออกไป ให้ทุกคนได้รู้จักและดื่มด่ำในพระคุณพระองค์เช่นเดียวกับที่ผมได้รับมาตลอดเช่นกัน


08 พฤษภาคม 2563

สิ่งที่ควรมีในชีวิต – The important things in life. โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต
สิ่งที่ควรมีในชีวิต 
 The important things in life.  
โดย บัณฑิต  ดาแว่น 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่คับขัน แต่การรับมือมีความจำกัด
จะทำอย่างไรดี เพื่อจะที่จะยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ! 
...เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา   แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์   ความรัก   และการบังคับตนเองให้แก่เรา
…for God gave us a spirit not of fear but of power and love and self-control. -II Timothy 1:7
อาจารย์เปาโลส่งข้อความนี้ถึงทิโมธีศิษย์รักของท่าน เพื่อให้เขาเรียนรู้ในการทำงานท่ามกลางความยุ่งยาก ทั้งด้านวัยวุฒิ คุณวุฒิ เพราะเขายังเป็นคนหนุ่มที่ประสบการณ์น้อย แถมสุขภาพยังมีปัญหา แต่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนและสถานการณ์ที่ท้าทายของชีวิต  ท่านจึงให้คำแนะนำว่าสิ่งที่ควรมีที่จะนำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างมีคุณภาพ...
1.  มีความกล้า – Courage,  No fear.
เรามีความกล้าได้  เพราะพระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ประทานจิตใจที่ประกอบด้วยฤทธิ์  ในฐานะลูกของพระเจ้าที่เชื่อพระเยซูคริสต์  จึงจำเป็นต้องยืนยันความจริงว่า พระเยซูคริสต์เป็นใคร  พระองค์เป็นพระเจ้าที่สถิตอยู่กับเราเสมอ  พระองค์ผู้ทรงมีฤทธิ์อำนาจทั้งสวรรค์และแผ่นดินโลก (มธ.28.18-20)  พระองค์ผู้เป็นทั้งเบื้องต้นและเบื้องปลาย (วว.1.17-18) ซึ่งหมายความว่าทรงอยู่ตลอดเวลา ทรงควบคุมทุกสิ่งได้ ทรงรู้สถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมดแล้ว  ทรงรู้อนาคตที่สุดท้ายจะกลับกลายเป็นผลดีต่อชีวิตของคนที่พระองค์รักได้(รม.8.28)  ยิ่งกว่านั้นยังทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้อยู่เคียงข้างเป็นที่ปรึกษาชี้แจงความจริงและปลอบประโลม ทรงประทานความเข้มแข็งให้แก่เราได้(อฟ.1.19,3.16,6.10) อีกทั้งยังมีพระคำอันประเสริฐที่คอยเป็นกำลังให้เสมอ(1ยน.2.14) 
แล้วอย่างนี้จะให้ความกลัวมากดดันตัวเองทำไม  จงลุกขึ้นและยืนหยัดด้วยความกล้าเพื่อพิชิตทุกสถานการณ์ให้ได้

2.  มีความรัก – Love.
ความรัก เป็นพื้นฐานชีวิตที่พระเจ้าประทานให้ เพราะทรงเป็นความรัก และรักอย่างไม่มีเงื่อนไข (1ยน.4.7-9) ประสงค์ให้รักกันและกัน  ดังที่ทรงรักอย่างมากมายจนประทานพระบุตรองค์เดียวมาเกิดในโลกนี้เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นบาป  ให้เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้  หากเรารักซึ่งกันและกันก็จะเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความรักที่เรามีต่อพระองค์ด้วย เพราะแท้จริงแล้ว ที่เรามีความรักและมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะพระเจ้าทรงรักเราก่อน  นั่นหมายความว่าในขณะที่เรายังไม่น่ารักเลย  ลองคิดดูชีวิตของเราก่อนจะรู้จักพระเจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง  เชื่อว่าแต่ละท่านสามารถยืนยันได้ว่า ชีวิตที่ผ่านมานั้นไม่สมควรได้รับความรักจากใครเลย แต่ขอบคุณพระเจ้าทรงยังทรงรักและให้โอกาสแก่ชีวิตเสมอ จึงทำให้มีวันนี้ได้  ดังนั้น การที่เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ ย่อมมีคนอีกมากมายที่ไม่น่ารัก แถมยังน่าชังอีกต่างหาก  แต่พระเจ้าสอนให้เรารักอย่างที่พระองค์รักเรา  เพราะความรักจะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้ดีกว่าการเต็มไปด้วยความเกลียดชังแน่นอน
จงให้ความรักนำทางในชีวิตเสมอ

3. มีการควบคุมตนเอง - Self-control.
การควบคุมตนเอง หรือ การบังคับตน  เป็นของผลของพระวิญญาณประการหนึ่งที่ประทานให้กับผู้เชื่อในพระเยซู(กท.5.22-23)  เพื่อจะอยู่ในโลกที่วุ่นวายสับสนได้อย่างมั่นคง  ไม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ(Panic) ไม่รนรานจนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น  แต่สามารถเข้าใจสถานการณ์และควบคุมอารมณ์ ความคิด จิตใจ อย่างมีสติสัมปชัญญะ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม  อีกทั้งมีการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าอย่างคนที่มีระเบียบวินัย (Discipline)  เพราะคนที่ขาดระเบียบวินัยและการควบคุมตนเองนั้นย่อมเป็นอันตราย จากเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ (สภษ. 5.23) แต่คนที่ยึดระเบียบวินัยนั้นย่อมมีผลดีต่อชีวิต (สภษ.4.23,6.23)
จงใช้ชีวิตด้วยการควบคุมตนเองในทางที่ควรเสมอ

นี่คือสามสิ่งสำคัญที่ควรมี เพื่อที่จะอยู่อย่างมีคุณภาพ
เห็นด้วยมั้ยครับ !