22 พฤศจิกายน 2562

พลังแห่งพระวจนะ -Power of the word. โดย บัณฑิต ดาแว่น



คิดอย่างบัณฑิต
พลังแห่งพระวจนะ - Power of the word. 
โดย บัณฑิต  ดาแว่น

... และรู้ว่าตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้รู้พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถทำให้ท่านมีปัญญาที่จะมาถึงความรอด ได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ทุกตอน  ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน การแก้ไขข้อบกพร่อง และการฝึกฝนในความชอบธรรม เพื่อเตรียมคนของพระเจ้าให้พรักพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง   2ทิโมธี 3.15-17-NTCV
… and how from infancy you have known the holy Scriptures, which are able to make you wise for salvation through faith in Christ Jesus. All Scripture is God-breathed and is useful for teaching, rebuking, correcting and training in righteousness, so that the man of God may be thoroughly equipped for every good work. II Timothy 3:15-17 NIV.
พระวจนะของพระเจ้า จาก 2 ทิโมธี 3.15-17  เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและการรับใช้เสมอ สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก "พลังแห่งพระวจนะ"  ตอนนี้ คือ...
1.  พระคัมภีร์เป็นพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์
                ข้อ15... และรู้ว่าตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้รู้พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ....
พระคัมภีร์ไม่ใช่หนังสือธรรมดาแต่เป็น "หนังสือศักดิ์สิทธิ์"  หมายถึง มีความสมบูรณ์แบบ ไร้ข้อบกพร่อง  มีความบริสุทธิ์ถูกต้องชอบธรรม มีสิทธิอำนาจ มีพลัง มีคุณค่า และคุณประโยชน์ 
นี่คือพระลักษณะของพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นพระวจนะของพระเจ้า  จึงสามารถเชื่อถือได้ ไว้วางใจในทุกถ้อยคำ ดำเนินชีวิตตาม และรับกำลัง สติปัญญาในการดำเนินชีวิตจากพระคัมภีร์ได้เสมอ
ในโลกนี้มีหนังสือที่ดีมากมาย แต่ไม่อาจเทียบกับพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ได้  ดังนั้นจงตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์  ด้วยการอ่าน เรียนรู้ ปฏิบัติตาม  โดยใช้เวลาอ่านให้มากขึ้น
                สดด 19.7-11   สอนถึงลักษณะและคุณค่าของพระคัมภีร์...
บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า*ดีรอบคอบฟื้นฟูจิตวิญญาณ กฏเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า*เชื่อถือได้ กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา  ข้อบังคับของพระองค์นั้นถูกต้อง ยังความสุขใจยินดี พระดำรัสสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า*แจ่มชัดยังความกระจ่างแจ้ง  ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า*นั้น บริสุทธิ์ยั่งยืนเป็นนิตย์ พระบัญชาของพระองค์นั้นชอบธรรมและแน่นอน  ล้ำค่ากว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์ หวานละมุนยิ่งกว่าน้ำผึ้ง น้ำผึ้งที่หยดจากรวง  ทั้งหมดนี้เป็นที่ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์ และเป็นบำเหน็จยิ่งใหญ่แก่ทุกคนที่ยึดถือปฏิบัติตาม
                สดด 119.1-176  สอนให้เห็นคุณค่าและพลังจากพระวจนะที่เกี่ยวข้องกับทุกด้านของชีวิต
2.  พระคัมภีร์เป็นมาจากพระเจ้า
                ข้อ  16 พระคัมภีร์ทุกตอน  ได้รับการดลใจจากพระเจ้า...
คำว่า "ดลใจ" หมายถึง การระบายลมหายใจของพระเจ้า "God-breathed" และ คำว่า "ลม" ยังหมายถึง "วิญญาณ" (ยน.3.7)  ดังนั้น พระคัมภีร์ที่มาจากการดลใจของพระเจ้า คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เข้ามาสู่โลกนี้ เพื่อให้มนุษย์รู้จักและเข้าใจพระเจ้า  โดยผ่านทางถ้อยคำ ที่เรียกว่า พระคัมภีร์
ลักษณะการดลใจของพระเจ้า ผ่านทางการสำแดงโดยตรง  ผ่านทางพระวิญญาณ ผ่านทางสติปัญญาของมนุษย์ (ลก1.1-3, 2ปต1.21)
ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจข้อนี้ก่อน   คือผู้หนึ่งผู้ใดจะตีความหมายคำของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เอาเองไม่ได้ 21เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น   ไม่ได้มาจากความคิดในจิตใจของมนุษย์   แต่มนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า   ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจเขา II Peter 1:21

เมื่อ พระคัมภีร์เป็นลมหายใจจากพระเจ้า เป็น พระวิญญาณของพระองค์  มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้ จึงต้องอาศัย เชื่อมโยงอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น ทั้งลมหายใจของเรามาจากพระเจ้า และพระคัมภีร์มาจากพระเจ้า ทุกอย่างต้องเชื่อมโยงและประกอบเข้ากันจึงจะสามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพได้
พระเยซูตรัสว่า "มนุษย์จะดำรงชีวิต ด้วยอาหารฝ่ายร่างกายอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงด้วยพระวจนะทุกคนที่ออกมาจากปากของพระเจ้า" (มธ.4.4) หมายถึง เราต้องหายใจ และกินอาหารจากพระเจ้า คือทั้งพระวจนะของพระองค์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เท่านั้น จึงจะดำรงอยู่อย่างปกติสุขได้
ยน.15.4-5  พระเยซูตรัสว่า.... จงเข้าสนิทอยู่ในเรา   และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน   แขนงจะออกผลเองไม่ได้   นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด   ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้   นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น  เราเป็นเถาองุ่น   ท่านทั้งหลายเป็นแขนง   ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา   ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก   เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย...
3.  พระคัมภีร์มีคุณค่าและประโยชน์ในทุกทาง
                จากข้อ15-17  เห็นถึงคุณค่า และประโยชน์ของพระคัมภีร์  9 ประการ
...และรู้ว่าตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้รู้พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถทำให้ท่านมีปัญญาที่จะมาถึงความรอด ได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ทุกตอน  ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน การแก้ไขข้อบกพร่อง และการฝึกฝนในความชอบธรรม เพื่อเตรียมคนของพระเจ้าให้พรักพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
                1.  ทำให้มีปัญญา
                2.  ทำให้มีความเชื่อที่ถูกต้อง คือเชื่อในพระเยซู
                3.  ทำให้มาถึงความรอด โดยความเชื่อในพระเยซู
                4.  เป็นประโยชน์ในการสั่งสอน
                5.  เป็นประโยชน์ในการว่ากล่าวตักเตือน
                6.  เป็นประโยชน์ในการแก้ไขข้อบกพร่อง
                7. เป็นประโยชน์ในการฝึกฝนความชอบธรรม
                8.  ช่วยเตรียมคนของพระเจ้าให้มีความพร้อมอย่างมีคุณภาพ
                9. ช่วยให้คนของพระเจ้าสามารถทำการดี
เมื่อพระคัมภีร์มีคุณค่าและคุณประโยชน์อย่างมาก จึงควรเอาใจใส่ ศึกษา เชื่อฟัง และดำเนินชีวิตตามอย่างจริงจัง...เพื่อให้พระวจนะเป็นพลังของชีวิตเสมอไป...อาเมน



(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)

18 พฤศจิกายน 2562

ปลายทางของชีวิต-The end of life โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต 

ปลายทางของชีวิต  โดย บัณฑิต ดาแว่น  

เราต่างยอมรับว่ามี “ปลายทางของชีวิต”
แล้วปลายทางชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร ?
พระคัมภีร์สอนว่า  พระเจ้าเป็นผู้กำหนดปลายทางของชีวิต
มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด (Heb 9:27) 
พระเจ้าทรงรู้ปลายทางชีวิตของแต่ละคนเป็นอย่างดี  แต่ในขณะเดียวกันทรงให้โอกาสแต่ละคนที่จะเลือกปลายทางของชีวิตได้ 
พระธรรมสดุดีบทที่ 1 ข้อ 1-6  ช่วยให้แนวคิด
1ความสุขเป็นของบุคคล  
 ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำ
ของคนอธรรม  
 หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป  
 หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย  
 
2แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า  
 เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน  
 
3เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ  
 ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล  และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง  
 การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น  
 
4คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้น  
 แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัด
กระจายไป  
 
5
เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้   เมื่อถึงคราวพระเจ้าทรงพิพากษา  
 หรือคนบาปไม่ยืนยงในที่ชุมนุมของคนชอบธรรม  
6เพราะพระเจ้าทรงทราบทางของคนชอบธรรม  
 แต่ทางของคนอธรรมจะพินาศไป

มีปลายทางของชีวิตอยู่ 2 ประเภท  คือ ปลายทางของ “คนชอบธรรม”
                                                                                                                                และปลายทางของ “คนอธรรม”

คุณต้องการปลายทางของชีวิตแบบไหนละ ?  เชื่อว่า ทุกคนต่างต้องการปลายทางแบบคนชอบธรรม
มีคนกลาวว่า  “แม้ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตได้” และผลของการเลือกใช้ชีวิตนั้น จะกลายเป็นบั้นปลายของชีวิตตามาเช่นกัน
ทางการแพทย์ ให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพไว้ว่า  You are… what your eat  กินอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น  คุณเป็นอย่างนี้ ก็เพราะสิ่งที่คุณกินเข้าไปนั่นแหละ  ซึ่งหมายรวมถึง  ผลกรรม ย่อมเกิดจากการกระทำของคุณนั่นเอง คือ หว่านสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น หว่านเนื้อหนังย่อมเก็บเกี่ยวผลแห่งเนื้อหนัง หว่านฝ่ายวิญญาณย่อมเก็บเกี่ยวฝ่ายวิญญาณ
อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ​ก็จะเกี่ยวก็สิ่งนั้น
ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ​ก็จะเกี่ยวก็ความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ​ก็จะเกี่ยวก็ชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น (Gal 6:7-8)
พระคัมภีร์สอนว่า  พระเจ้าทราบทางของคนชอบธรรม  ส่วน ทางของคนอธรรมจะพินาศไป
สดุดีบทที่ 1 ข้อ 3-6  สอนต่อไปว่า... เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ    ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล  และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง    การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น...  
คนชอบธรรมจะมีชีวิตและปลายทางอย่างไรบ้าง
1. เป็นเหมือนต้นไม้ที่อยู่ถูกที่ถูกทาง (อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่)
2. เป็นเหมือนต้นไม้ที่เกิดผลตามฤดูกาล (เป็นไปตามคาดหวังได้)
3. เป็นเหมือนต้นไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ (ใบไม่เหี่ยวแห้ง)
4. เป็นเหมือนต้นไม้ที่เจริญเกิดผลดีทุกอย่าง
5. มีชีวิตที่มั่นคง ไม่ถูกกำจัดทิ้งเหมือนแกลบ (เมล็ดที่ลีบ)                
6. คนชอบธรรมจะสามารถยืนอยู่ได้ในวันพิพากษา                         
7. คนชอบธรรมได้รับการรับรองจากพระเจ้า
                 
เพราะพระเจ้าทรงทราบทางของคนชอบธรรม  
            

ส่วนคนอธรรมนั้น มีสิ่งตรงข้ามทุกอย่าง  คือ อยู่ในที่ไม่ควรจะอยู่  ไม่สามารถเป็นไปตามคาดหวังได้  ไม่มีความสมบูรณ์พูนสุข  ไม่เจริญก้าวหน้า ไม่มั่นคงในชีวิต  ไม่อาจทนต่อการพิสูจน์หรือการพิพาษาได้ และสุดท้ายจะพินาศไป
ผลการกระทำของคนอธรรมนั้น ไม่จำเป็นต้องรอถึงปลายทางของชีวิต เพราะในปัจจุบันเขาก็ไม่มีความสุขที่แท้จริง  แม้ดูภายนอกจะมีหลายสิ่งหลายอย่างแต่ภายในนั้นว่างเปล่า

คนชอบธรรม เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างไร ถึงมีชีวิตในปัจจุบันและปลายทางชีวิตที่ดีได้

1.  เลือกคบคน
1ความสุขเป็นของบุคคล  
 ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำ ของคนอธรรม  
 หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป  
 หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย  
หากอยากมีชีวิตที่ดีต้องเลือกคบคนที่ดี  ไม่คบคนที่แนะนำแต่สิ่งชั่วร้าย  ไม่คบคนที่พาไปเดินในทางมืดมิด  ไม่คบคนที่พาไปนั่งในที่ไม่ดี ไม่คบคนที่พูดแต่สิ่งไม่ดี คำพูดไม่สร้างสรรค์ ปากพาจน ปากพาเจ็บ
พระคัมภัรรีสอน...ไม่ให้ฟังเสียงที่(คำแนะนำ)ชั่วร้าย แต่สนใจเสียงที่ดี 
ไม่ร่วมมือกับความชั่ว แต่นำตัวเองอยู่ในสิ่งที่ดี  ทั้งไม่เดินตามคำแนะนำของคนอธรรม ไม่ยืนในทางคนทำบาป ไม่นั่งในที่คนพูดไม่ดี

2. เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องที่จะนำชีวิตไปสู่ปลายทางที่ดี
โลกทุกวันนี้มีข้อมูลจำนวนมากนับไม่ถ้วน (Big DATA) จึงต้องเลือกข้อมูลที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขและนำปลายทางที่ดีมาสู่ชีวิต 
จะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลไหน จริง หรือ เท็จ ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม  ต้องเข้ามา พึ่งในพระเจ้าและทำตามพระคำ
พระคำของพระเจ้านั้นเป็นแหล่งสติปัญญา และนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนได้  ตามที่สอนว่า
                                 2แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า  
                                                                 เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
  
การรู้จักและคิดคำนึงถึงพระคำของพระเจ้ามีผลดีต่อชีวิต
จะทำให้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดและมีความสุข
 กฎหมายของพระเจ้ารอบคอบ    และฟื้นฟูจิตวิญญาณ  
 กฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นแน่นอน    กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา  
 ข้อบังคับของพระเจ้านั้นถูกต้อง    กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์  
 พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์    กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง
   (Psalms 19:7-8)
จะไม่ได้รับความอับอาย
 แล้วข้าพระองค์จะไม่ได้รับความอาย   โดยจดจ่ออยู่ที่พระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์  
(Psalms 119:6)
จะรักษาชีวิตที่ดีและบริสุทธิ์ไว้ได้
                 หนุ่มๆจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร    โดยระแวดระวังตามพระวจนะของพระองค์  
                (Psalms 119:9-10)
จะปกป้องไม่ให้ทำในสิ่งที่ผิดพลาด
                 ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของ พระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์    เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาป
ต่อพระองค์   (Psalms 119:11)

คุณพอจะทราบปลายทางชีวิตของตนเองหรือยังว่าจะเป็นอย่างไร 
หากอยากเป็นดังคนชอบธรรม วันนี้เป็นโอกาสที่คุณจะเริ่มและเลือกทางที่ถูกต้อง
...ดูคนที่คุณคบสักนิดว่าจะพาไปทางดีหรือทางร้าย...คุณได้เดินในทางของคนชอบธรรมหรือไม่
...ดูสิ่งที่คุณทำหน่อยว่าจะช่วยให้คุณเจริญขึ้นหรือล่มจม...คุณได้แสวงหาพระเจ้าและพระคำของพระองค์หรือไม่

เชิญเข้ามาแสวงหาทางของพระเจ้าและทำตามพระคำของพระองค์ เพื่อจะมั่นใจได้ว่า ปลายทางของชีวิต จะเป็นปลายทางที่มั่นคงนิรันดร์

(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)