คิดอย่างบัณฑิต
พระเจ้าห่วงใยคุณมากเพียงใด
How much God care for you.
โดย
บัณฑิต ดาแว่น
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติ หรือ
บางคนเริ่มใช้คำว่า “ความปกติแบบใหม่” (New normal) ที่ยังต้องปรับตัวกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
และคงไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้
จะผ่านไปได้อย่างไร?
จะมั่นใจได้อย่างไรว่าพระเจ้ายังควบคุมเหนือสถานการณ์เหล่านี้
?
พระเจ้ายังทรงห่วงใยอยู่หรือไม่ ?
และยังมีอีกหลายคำถามที่เกิดขึ้นในสภาวะขาดกำลัง
ขาดรายได้ ขาดจากเพื่อนฝูงที่เคยผูกพันใกล้ชิด
เคยใช้วิถีชีวิตในการนมัสการในรูปแบบที่คุ้นเคย แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสที่จะทำได้ จะทำอย่างไรดี
เมื่อความเข้มแข็งที่มีเริ่มถดถอย ?
พระเจ้ายังห่วงใยในชีวิตของเราเสมอ…
พระคำของพระเจ้ายังยืนยัน
จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย
-I
Peter 5:7
พระเจ้าทรงห่วงใยมนุษย์มากกว่าทูตสวรรค์จึงให้พระเยซูมาเป็นมหาปุโรหิตที่ทรงสละพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
ความจริง พระองค์มิได้ทรงเป็นห่วงทูตสวรรค์ แต่ทรงเป็นห่วงพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม เหตุฉะนั้นพระองค์จึงทรงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องทุกอย่าง เพื่อว่าพระองค์จะได้ทรงเป็นมหาปุโรหิต ผู้กอปรด้วยความเมตตาและความสัตย์ซื่อ ในการกระทำกิจกับพระเจ้า เพื่อลบล้างบาปของประชาชน เพราะเหตุที่พระองค์ได้ทรงทนทุกข์ทรมานและถูกลองใจ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกลองใจได้
Hebrews 2:16-18
มารีย์ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยความยินดีว่าพระเจ้าทรงห่วงใยในคนต่ำต้อยและทุกข์ยากอย่างเธอ
เพราะพระองค์ทรงห่วงใยฐานะอันยากต่ำแห่งทาสีของพระองค์
เพราะนั่นแหละ ตั้งแต่นี้ไปคนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผาสุก -Luke 1:48
เพราะนั่นแหละ ตั้งแต่นี้ไปคนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผาสุก -Luke 1:48
พระเยซูยืนยันความห่วงใยต่อแกะของพระองค์ในฐานะเป็นผู้เลี้ยงที่ดีที่พร้อมสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือ
เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี
ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ ผู้ที่รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา
เมื่อเห็นสุนัขป่ามาเขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป เขาหนีเพราะเขาเป็นลูกจ้างและไม่เป็นห่วงแกะเลย
-John
10:11-13
ชีวิตของเรามีค่ายิ่งกว่านก
พระเจ้าทรงห่วงใยแน่นอน
จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว
มิได้ส่ำสมไว้ในยุ้งฉาง
แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย
ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้
ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ -Matthew 6:26
ชีวิตของเรามีค่ายิ่งกว่าดอกไม้
เหตุไฉนพระเจ้าจะไม่ห่วง
ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่า มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน
มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่ากษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศี ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น
ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ
ผู้มีความเชื่อน้อย
พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ
- Matthew 6:28-30
พระเจ้าทรงทราบความทุกข์ยากและความต้องการของชีวิต
...แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
- Matthew 6:32
ควรทำอย่างไรต่อไปดี เมื่อรู้แล้วนี่ว่าทรงห่วงใย
!
อย่ากระวนกระวายมากเกินกว่าเหตุ
“เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ
และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ… -Matthew 6:25
จงใส่ใจแสวงหาสิ่งที่สำคัญกว่า คือการให้พระเจ้าครอบครองชีวิต
ยอมอุทิศตัวเพื่อแผ่นดินของพระองค์
แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ -Matthew
6:33
ไว้วางใจในพระเจ้าวันต่อวัน
อย่าให้ความกังวลเพิ่มความทุกข์ทนในวันนี้อีกเลย
“เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้
เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว -Matthew 6:34
เพื่อนชาวอเมริกัน แบ่งปันแนวคิดของเขาให้ฟังว่า
ชีวิตของเราพระเจ้าโปรยด้วยพรมชั้นดี เพื่อที่เราจะเหยียบย้ำไปในทางของโลกนี้ ลองก้มลงดูพื้นที่เราเดินไปสิ
มีทั้งหญ้าเขียวสวย มีทั้งดอกไม้นานาพันธุ์
พระเจ้าทรงสร้างมันให้อยู่ใต้เท้าของมนุษย์ แล้วอย่างนี้จะพูดได้อย่างไรว่า
ชีวิตมิได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะไม่ใช่แค่กลีบกุหลาบที่ถูกเด็ดออกมาจากต้น
แต่พระเจ้าให้ต้นหญ้าเขียวสด และดอกที่สวยสดงดงามให้เราเดินไปเสมอ
เพียงแต่เราจะใส่ใจต่อความห่วงใยของพระเจ้าหรือไม่เท่านั้นเอง
แฟรงค์ กราเอฟ (1860-1919) ผู้ประพันธ์บทเพลง “พระเยซูทรงห่วงข้าหรือไม่”
ได้ตั้งคำถามว่า
พระเยซูทรงห่วงข้าหรือไม่
...เมื่อยามเจ็บปวดรวดร้าว ทุกข์ใจ
ไร้ความมั่นคงในชีวิต
...เมื่อยามโดดเดี่ยว
ว้าเหว่ใจ เกิดภัยพิบัติ ขาดคนเข้าใจ
...เมื่อยามคนที่รักจากไป
ความโศกเศร้ารุมเร้าดวงใจ
… เมื่อยาม...
คำตอบที่เขาได้รับคือ...พระเจ้าทรงห่วงใยอย่างแน่นอน !!
“พระองค์ทรงห่วง...พระองค์ทรงห่วง เมื่อข้าเศร้าพระองค์ทรงห่วง
กลางวันอ่อนระอาใจ
กลางคืนอ่อนล้ากาย ข้ารู้ พระองค์ทรงห่วง”
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)