คิดอย่างบัณฑิต
ข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตอยู่บ้าน
How to stay home as well.
โดย บัณฑิต ดาแว่น
อยู่บ้านมาหลายวันแล้ว สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่รู้ทิศทางว่าจะลงเอยอย่างไร ชีวิตเริ่มวนไปวนมากับการกิน ๆ นอนๆ และใช้เวลากับสังคมออนไลน์
(Social
media) เฟสบุค ไลน์ ยูทูป ทำให้ยิ่งเครียด
กังวล สับสน กับข้อมูลข่าวสารที่ถาโถมเข้ามาทั้งข่าวจริงและข่าวลือ
ปกติคนที่เคยออกไปทำงานนอกบ้าน ต้องตื่น กิน นอน
ทำงาน ตามเวลาที่กำหนดไว้ แต่เมื่อต้องอยู่บ้านกลับไม่รู้จะทำอย่างไร ดูเหมือนสัปดาห์แรกเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข
เพราะรู้สึกว่าได้พัก ได้มีเวลา จึงปลดปล่อยไปกับสิ่งที่ตนเองชอบอย่างเต็มที่
แต่พอผ่านไปนานขึ้น กิจวัตรประจำวันเริ่มจำเจซ้ำซาก ไม่ต่างจากสถานการณ์ที่เคยเป็นมา แถมมีผลกระทบตามมา น้ำหนักเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แทนที่จะใช้เวลากระชับความสัมพันธ์กับคนในบ้านกลับยิ่งทะเลาะกันมากขึ้น
หากคุณมีสัญญาณดังนี้
ต้องรีบทบทวนการอยู่บ้านแล้วว่า ได้จัดการกับชีวิตและเวลาอย่างมีคุณภาพหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของพระเจ้าควรทำอย่างไรจึงจะใช้ชีวิตและเวลาอย่างมีคุณภาพในช่วงที่ต้องอยู่บ้าน
จึงขอฝาก ข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตอยู่บ้านช่วงการกักตัวและเว้นระยะห่างทางสังคม
How to stay home as well during social distancing and quarantine.
1.
จัดการชีวิตและเวลาให้ดี – Manage your life and your
time.
เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่ และจัดอาหารให้ครัวเรือนของเธอ และจัดงานให้แก่สาวใช้ของเธอ
เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วก็ซื้อไว้ ด้วยผลน้ำมือของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น
เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และกระทำให้แขนของเธอเข้มแข็ง
เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ Proverbs 31:15-18
เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วก็ซื้อไว้ ด้วยผลน้ำมือของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น
เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และกระทำให้แขนของเธอเข้มแข็ง
เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ Proverbs 31:15-18
หนึ่ง ควรวางแผนชีวิตและจัดเวลาแต่ละช่วงแต่ละวันให้ดี
เพื่อจะใช้เวลาอย่างรับผิดชอบและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดได้ จัดเวลากิน เวลานอน เวลาตื่น เวลาทำงาน เวลาพัก
หรือเวลาออกกำลังให้ชัดเจน เพราะไม่อย่างนั้นเวลาชีวภาพในตัวเราจะเสียระบบไป
สอง ควรจะเขียนเป้าหมายที่จำเป็นต้องทำ
และจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในแต่ละวัน และจากนั้นประเมินโดยการตรวจสอบแต่ละรายการว่าได้ทำแล้วหรือยัง
สาม แต่งตัวเพื่อทำงาน แม้จะต้องทำงานที่บ้านหากต้องการให้เกิดความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบทำงาน
ควรแต่งตัวชุดทำงานและเข้าทำงานตามเวลาที่กำหนด อาจจะไม่ใช่ชุดแบบเต็มยศ แต่ไม่ใช่ใส่ชุดนอนตลอดเวลา
หลังเลิกงานค่อยเปลี่ยนชุดกีฬา หรือชุดที่จะไปทำกิจวัตรอย่างอื่นที่เหมาะสมได้
สี่ ตั้งใจทำงานให้สำเร็จ แม้ไม่มีเจ้านายมาคุมงาน แต่เราต้องควบคุมตนเอง
และทำงานให้สำเร็จ แล้วจึงไปใช้เวลากับเรื่องอื่น ๆ
2. จัดการกับข้อมูลข่าวสารให้ดี
–
Manage your information and social media.
ผู้สื่อสารไม่ดีก็เอาคนจุ่มลงไปในความลำบาก
แต่ทูตที่ซื่อสัตย์นำการรักษามาให้ Proverbs 13:17
แต่ทูตที่ซื่อสัตย์นำการรักษามาให้ Proverbs 13:17
โลกโซเชี่ยลมีเดีย (Social
media) การสื่อสารสังคมออนไลน์
มีอิทธิพลต่อชีวิตและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของชีวิตเป็นอย่างมาก มีทั้ง ข่าวจริง ข่าวลวง
ข่าวลือ เต็มไปหมด ยากที่จะแยกแยะ จึงต้องระมัดระวังต่อไป ทางที่ดีควรรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางหลักที่มีแหล่งที่มาที่ไปอย่างชัดเจน
สามารถตรวจสอบได้ หากไม่แน่ใจไม่ควรส่งต่อ
หรือ กระจายข่าวสารนั้นออกไป เพราะจะกลายเป็นเหยื่อ
และนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตนเองและสังคมได้
3. จัดการชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้ดี
– Manage your spiritual.
แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง
เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ
และผู้ที่นมัสการพระองค์
ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (John
4:23-24)
ยิวชาวเมืองนั้น (เมืองเบโรอา) มีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน
หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่
(Acts
17:11)
การรักษาพื้นฐานการดำเนินชีวิตคริสเตียน
ที่ต้องอธิษฐาน นมัสการ อ่านพระคัมภีร์
มีสามัคคีธรรม และนำวิญญาณให้คนรู้จักพระเจ้า ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ แม้ช่วงนี้ไม่สามารถไปที่คริสตจักรได้ตามปกติ
แต่ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าและพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้เข้มแข็งเติบโตต่อไปได้
อย่าให้โลกโซเชี่ยลมีเดียมาทดแทนความสัมพันธ์กับพระเจ้า
แม้ว่าการนมัสการ การอธิษฐาน การดู การฟัง คำเทศนา หรือคำสอนผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียจะมีประโยชน์
แต่ยังต้องใช้เวลาแบบตัวต่อตัวกับพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยตนเอง โดยการอธิษฐานจริง
ๆ อ่านพระคัมภีร์ จริง ๆ นมัสการ สรรเสริญ
ด้วยปาก ด้วยหัวใจ ด้วยตัวของเราเองจริง ๆ ด้วย
เพราะหากดูแต่คนอื่นเขานมัสการผ่านทางสื่อ ก็ไม่ต่างจากการดูคนอื่นเขากินอาหารที่แสนอร่อย
อาจจะรู้สึกว่าเราร่วมวงด้วย แต่ความจริงเป็นเพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น
จึงไม่มีทางที่จะอิ่มอร่อยและมีผลดีต่อสุขภาพได้อย่างสมดุล
นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู
เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
(Revelation
of John 3:20)
4. จัดการกับปัญหาในชีวิตให้ดี -
Manage your circumstance.
จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ
เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้
ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ (Ephesians
6:11-12)
ศัตรูตัวร้ายของชีวิตคริสเตียนคือ มารซาตาน(1ปต.5.8)
ที่มันยังมาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย (ยน.10.10)
มันยังปิดบังความจริงของพระเจ้าโดยทำให้ตาใจของคนมืดบอดไป( 1คร.4.4)
มันยังสร้างป้อมและกำแพงขวางกั้นไม่ให้คนได้พบและรู้จักกับพระเจ้า(2คร10.4-5)
จึงต้องหาสาเหตุของปัญหาให้ได้และแก้ไขให้ถูกทาง ว่าต้นทางมาจากที่ไหน มาจากใครเป็นตัวการ
แล้วใช้อาวุธสังหารให้ถูกต้อง
ต้นเหตุแห่งปัญหานั้นมาได้จากหลายทาง เช่น จากมารที่มาล่อลวงและสวมรอย จากการกระทำของคนอื่น
จากการผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ และจากผลแห่งการกระทำของตนเอง
5. จัดการความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้ดี –
Manage your relationship.
จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์
ฝ่ายภรรยา จงยอมฟังสามีของตน เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์
และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น
ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน
เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร
และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร (Ephesians
5:21-25)
ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยา เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า
และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดก เพื่อว่าคำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เห็นอกเห็นใจกัน
รักกันฉันพี่น้อง
มีจิตใจอ่อนโยนและอ่อนน้อม อย่าทำการร้ายตอบแทนการร้าย อย่าด่าตอบการด่า แต่ตรงกันข้ามจงอวยพรแก่เขา ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงเรียกให้ท่านกระทำเช่นนั้น เพื่อท่านจะได้รับพระพร
(I
Peter 3:7-7)
ยิ่งช่วงเวลาที่(ถูกบังคับ)ต้องให้อยู่บ้าน
ไม่สามารถออกไปไหนได้ ยิ่งต้องรักษาความสัมพันธ์กับคนที่อยู่บ้านเดียวกันให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นไม่มีที่ให้หนีไปเหมือนช่วงเวลาปกติ
แม้จะมีช่องทางให้ไปก็ยังต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้อย่างไม่มีทางเลือก “ยอม”...ยอมรับ ยอมฟัง (ทนฟัง)
ยอมให้อภัย ยอมเป็นฝ่ายแพ้แต่ให้ครอบครัวอยู่รอด ย่อมเป็นผลดีกว่าการเอาชนะ
แต่ต้องพังพินาศด้วยกันทุกคน
ขอให้อยู่บ้านอย่างมีความสุขนะครับ !!
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)