07 เมษายน 2563

ข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตอยู่บ้าน How to stay home as well. โดย บัณฑิต ดาแว่น



คิดอย่างบัณฑิต
ข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตอยู่บ้าน
How to stay home as well.
 โดย บัณฑิต  ดาแว่น
อยู่บ้านมาหลายวันแล้ว  สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่รู้ทิศทางว่าจะลงเอยอย่างไร  ชีวิตเริ่มวนไปวนมากับการกิน ๆ นอนๆ และใช้เวลากับสังคมออนไลน์ (Social media)  เฟสบุค ไลน์ ยูทูป ทำให้ยิ่งเครียด กังวล สับสน กับข้อมูลข่าวสารที่ถาโถมเข้ามาทั้งข่าวจริงและข่าวลือ
ปกติคนที่เคยออกไปทำงานนอกบ้าน ต้องตื่น กิน นอน ทำงาน ตามเวลาที่กำหนดไว้ แต่เมื่อต้องอยู่บ้านกลับไม่รู้จะทำอย่างไร  ดูเหมือนสัปดาห์แรกเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เพราะรู้สึกว่าได้พัก ได้มีเวลา จึงปลดปล่อยไปกับสิ่งที่ตนเองชอบอย่างเต็มที่ แต่พอผ่านไปนานขึ้น กิจวัตรประจำวันเริ่มจำเจซ้ำซาก  ไม่ต่างจากสถานการณ์ที่เคยเป็นมา  แถมมีผลกระทบตามมา  น้ำหนักเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ  แทนที่จะใช้เวลากระชับความสัมพันธ์กับคนในบ้านกลับยิ่งทะเลาะกันมากขึ้น
หากคุณมีสัญญาณดังนี้ ต้องรีบทบทวนการอยู่บ้านแล้วว่า ได้จัดการกับชีวิตและเวลาอย่างมีคุณภาพหรือไม่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของพระเจ้าควรทำอย่างไรจึงจะใช้ชีวิตและเวลาอย่างมีคุณภาพในช่วงที่ต้องอยู่บ้าน
จึงขอฝาก  ข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตอยู่บ้านช่วงการกักตัวและเว้นระยะห่างทางสังคม 
How to stay home as well during social distancing and quarantine.

1.  จัดการชีวิตและเวลาให้ดี – Manage your life and your time.
 เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่   และจัดอาหารให้ครัวเรือนของเธอ    และจัดงานให้แก่สาวใช้ของเธอ  
 เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วก็ซื้อไว้    ด้วยผลน้ำมือของเธอ  เธอปลูกสวนองุ่น  
 เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง   และกระทำให้แขนของเธอเข้มแข็ง  
 เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร    กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ
   
Proverbs 31:15-18

หนึ่ง  ควรวางแผนชีวิตและจัดเวลาแต่ละช่วงแต่ละวันให้ดี เพื่อจะใช้เวลาอย่างรับผิดชอบและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดได้  จัดเวลากิน เวลานอน เวลาตื่น เวลาทำงาน เวลาพัก หรือเวลาออกกำลังให้ชัดเจน เพราะไม่อย่างนั้นเวลาชีวภาพในตัวเราจะเสียระบบไป
สอง  ควรจะเขียนเป้าหมายที่จำเป็นต้องทำ และจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในแต่ละวัน และจากนั้นประเมินโดยการตรวจสอบแต่ละรายการว่าได้ทำแล้วหรือยัง
สาม  แต่งตัวเพื่อทำงาน   แม้จะต้องทำงานที่บ้านหากต้องการให้เกิดความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบทำงาน ควรแต่งตัวชุดทำงานและเข้าทำงานตามเวลาที่กำหนด อาจจะไม่ใช่ชุดแบบเต็มยศ แต่ไม่ใช่ใส่ชุดนอนตลอดเวลา หลังเลิกงานค่อยเปลี่ยนชุดกีฬา หรือชุดที่จะไปทำกิจวัตรอย่างอื่นที่เหมาะสมได้
สี่  ตั้งใจทำงานให้สำเร็จ  แม้ไม่มีเจ้านายมาคุมงาน แต่เราต้องควบคุมตนเอง และทำงานให้สำเร็จ แล้วจึงไปใช้เวลากับเรื่องอื่น ๆ
2.  จัดการกับข้อมูลข่าวสารให้ดี – Manage your information and social media.
ผู้สื่อสารไม่ดีก็เอาคนจุ่มลงไปในความลำบาก  
แต่ทูตที่ซื่อสัตย์นำการรักษามาให้
   Proverbs 13:17
โลกโซเชี่ยลมีเดีย (Social media) การสื่อสารสังคมออนไลน์ มีอิทธิพลต่อชีวิตและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของชีวิตเป็นอย่างมาก มีทั้ง ข่าวจริง ข่าวลวง ข่าวลือ เต็มไปหมด ยากที่จะแยกแยะ  จึงต้องระมัดระวังต่อไป  ทางที่ดีควรรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางหลักที่มีแหล่งที่มาที่ไปอย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบได้  หากไม่แน่ใจไม่ควรส่งต่อ หรือ กระจายข่าวสารนั้นออกไป เพราะจะกลายเป็นเหยื่อ และนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตนเองและสังคมได้
 3.  จัดการชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้ดี – Manage your spiritual.
แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว   และบัดนี้ก็ถึงแล้ว   คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา   ด้วยจิตวิญญาณและความจริง   เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ   และผู้ที่นมัสการพระองค์   ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (John 4:23-24)
ยิวชาวเมืองนั้น (เมืองเบโรอา) มีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา   ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า   และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน   หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่ (Acts 17:11)
การรักษาพื้นฐานการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่ต้องอธิษฐาน นมัสการ อ่านพระคัมภีร์  มีสามัคคีธรรม และนำวิญญาณให้คนรู้จักพระเจ้า  ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ  แม้ช่วงนี้ไม่สามารถไปที่คริสตจักรได้ตามปกติ แต่ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าและพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้เข้มแข็งเติบโตต่อไปได้ 
อย่าให้โลกโซเชี่ยลมีเดียมาทดแทนความสัมพันธ์กับพระเจ้า แม้ว่าการนมัสการ การอธิษฐาน การดู การฟัง คำเทศนา หรือคำสอนผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียจะมีประโยชน์ แต่ยังต้องใช้เวลาแบบตัวต่อตัวกับพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยตนเอง โดยการอธิษฐานจริง ๆ อ่านพระคัมภีร์ จริง ๆ  นมัสการ สรรเสริญ ด้วยปาก ด้วยหัวใจ ด้วยตัวของเราเองจริง ๆ ด้วย เพราะหากดูแต่คนอื่นเขานมัสการผ่านทางสื่อ ก็ไม่ต่างจากการดูคนอื่นเขากินอาหารที่แสนอร่อย อาจจะรู้สึกว่าเราร่วมวงด้วย แต่ความจริงเป็นเพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น จึงไม่มีทางที่จะอิ่มอร่อยและมีผลดีต่อสุขภาพได้อย่างสมดุล
นี่แน่ะ   เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู   ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู   เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา   และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา (Revelation of John 3:20)
4. จัดการกับปัญหาในชีวิตให้ดี - Manage your circumstance.
จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า   เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด   แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง   ศักดิเทพ   เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้   ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ (Ephesians 6:11-12)
ศัตรูตัวร้ายของชีวิตคริสเตียนคือ มารซาตาน(1ปต.5.8) ที่มันยังมาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย (ยน.10.10)  มันยังปิดบังความจริงของพระเจ้าโดยทำให้ตาใจของคนมืดบอดไป( 1คร.4.4) มันยังสร้างป้อมและกำแพงขวางกั้นไม่ให้คนได้พบและรู้จักกับพระเจ้า(2คร10.4-5)
จึงต้องหาสาเหตุของปัญหาให้ได้และแก้ไขให้ถูกทาง  ว่าต้นทางมาจากที่ไหน  มาจากใครเป็นตัวการ แล้วใช้อาวุธสังหารให้ถูกต้อง  ต้นเหตุแห่งปัญหานั้นมาได้จากหลายทาง เช่น จากมารที่มาล่อลวงและสวมรอย  จากการกระทำของคนอื่น จากการผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ และจากผลแห่งการกระทำของตนเอง
5. จัดการความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้ดี – Manage your relationship.
จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์
ฝ่ายภรรยา   จงยอมฟังสามีของตน   เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา   เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร   ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์   และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด   ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น
ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน   เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร   และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร (Ephesians 5:21-25)
ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน   จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ   จงให้เกียรติแก่ภรรยา   เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า   และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดก   เพื่อว่าคำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
ในที่สุดนี้   ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน   เห็นอกเห็นใจกัน   รักกันฉันพี่น้อง   มีจิตใจอ่อนโยนและอ่อนน้อม อย่าทำการร้ายตอบแทนการร้าย   อย่าด่าตอบการด่า   แต่ตรงกันข้ามจงอวยพรแก่เขา   ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงเรียกให้ท่านกระทำเช่นนั้น   เพื่อท่านจะได้รับพระพร (I Peter 3:7-7)
ยิ่งช่วงเวลาที่(ถูกบังคับ)ต้องให้อยู่บ้าน ไม่สามารถออกไปไหนได้ ยิ่งต้องรักษาความสัมพันธ์กับคนที่อยู่บ้านเดียวกันให้ดี  เพราะไม่อย่างนั้นไม่มีที่ให้หนีไปเหมือนช่วงเวลาปกติ  แม้จะมีช่องทางให้ไปก็ยังต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้อย่างไม่มีทางเลือก  “ยอม”...ยอมรับ ยอมฟัง (ทนฟัง) ยอมให้อภัย ยอมเป็นฝ่ายแพ้แต่ให้ครอบครัวอยู่รอด ย่อมเป็นผลดีกว่าการเอาชนะ แต่ต้องพังพินาศด้วยกันทุกคน

ขอให้อยู่บ้านอย่างมีความสุขนะครับ !!
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)