10 สิงหาคม 2564

Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (6) โดย บัณฑิต ดาแว่น

 


ข้อคิดจากอิสราเอล

Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (6)

โดย บัณฑิต ดาแว่น

 

ภูเขาหินแห่งอุโมงค์ฝังศพ


คณะเดินตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล  ได้เข้าเยี่ยมชมอุโมงค์ที่เชื่อว่าใช้เป็นที่ฝังพระศพพระเยซู (Garden Tomb) เป็นอุโมงค์ที่ถูกขุดเข้าไปในภูเขาหิน  มัทธิวสาวกพระเยซู บันทึกว่า

ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ มีเศรษฐีคนหนึ่งมาจากบ้านอาริมาเธีย ชื่อโยเซฟเป็นศิษย์ของพระเยซู ได้เข้าไปหาปีลาตขอพระศพพระเยซู ปีลาตจึงสั่งให้มอบแก่เขา โยเซฟก็เชิญพระศพเอาผ้าป่านที่สะอาด พันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้ที่อุโมงค์ใหม่ของตน ซึ่งเขาได้สกัดไว้ในศิลา กลิ้งหินใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้แล้วก็ไปฝ่ายมารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั้น ก็นั่งอยู่ที่นั่นตรงหน้าอุโมงค์ Matthew 27:57-61

 

ผู้บรรยาย อธิบายถึงลักษณะของอุโมงค์ (ตามแผนภาพ Diagram)  มี 6 จุด  1. ทางเข้าห้องโถง (Entrance to antechamber)  2. คันกั้นต่ำที่เข้าไปส่วนในที่วางศพ เป็นเหมือนธรณีประตูเข้าสู่ห้องด้านใน (Low threshold to burial chamber)  3. แนวผนังกั้นต่ำระหว่างห้องโถงและห้องที่วางศพส่วนใน(Low rock walls) 4. ส่วนเฉพาะที่วางศพมีอยู่สองด้าน(Luculus- burial niche) 5. แนวกั้นระหว่างที่วางศพ (Slit for vertical stone slab) 6. ห้องโถงที่เข้ามาร้องไห้ หรือเข้ามาดูแลภายในอุโมงค์(Antechamber weeping chamber) 7. ช่องหน้าต่างเล็ก ที่สามารถมองลอดเข้าไปดูภายในอุโมงค์ (Small window)

นี่เป็นแผนผังอุโมงค์ฝังศพของคนรวยที่เตรียมไว้สำหรับตนเองและครอบครัว  โดยส่วนที่สี่ถือว่าเป็นส่วนที่จะวางศพคนสำคัญในครอบครัว ส่วนใหญ่จะวางไว้ส่วนในด้านขวาบนของภาพ  เขาเชื่อว่าพระศพของพระเยซูวางไว้ส่วนนั้นด้วย  เป็นการจัดลำดับเหมือนบ้าน ห้องโถงหน้าและในมีระดับใกล้เคียงกัน แต่ที่วางศพส่วนที่สี่จะสูงขึ้นมาคล้ายระดับของเตียงนอนและมีแผ่นหินกั้นไว้  การจัดระบบอย่างนี้เพื่อสะดวกต่อการดูแล พร้อมทั้งมีช่องหน้าต่างเพื่อมองจากด้านนอกเข้าไปได้ด้วย

สำหรับอุโมงค์ฝังศพที่เศรษฐีโยเซฟอุทิศให้พระองค์นั้น ยังไม่ได้ใช้งานมาก่อน และหลังจากใช้เป็นที่ฝังศพพระเยซูก็ไม่ได้เป็นของครอบครัวของเขาอีกต่อไป

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นภาพ  พระเยซูตายเพื่อรับความผิดบาปแทนเราทุกคน  อุโมงค์ฝังศพนั่น เป็นที่สุดท้ายที่มนุษย์จะต้องไปนอน  แต่โดยพระคุณพระเจ้า พระเยซูใช้อุโมงนั้นแทนเราแล้ว แม้วันหนึ่ง เราอาจไปนอนตรงนั้น แต่เป็นเพียงชั่วคราว เพราะพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และทรงสัญญาว่าทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะยังมีชีวิต(ฝ่ายวิญญาณ)แม้เขาจะตายไปแล้วก็ตาม

พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม” - John 11:25-26

 

จงยอมให้อุโมงค์ฝังศพเป็นของพระเยซูดีกว่านะครับ อย่ากอดความตายไว้ที่ตัวคุณต่อไปเลย  ให้ความบาปชั่วถูกฝังไว้ในอุโมงค์และรอวันเป็นขึ้นมามีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าโดยความเชื่อในพระเยซู นะครับ

เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน - Romans 6:4