03 สิงหาคม 2564

Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (5) โดย บัณฑิต ดาแว่น

 


คิดอย่างบัณฑิต

ข้อคิดจากอิสราเอล

Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (5)

โดย บัณฑิต ดาแว่น

 

ก้อนหินแห่งการสรรเสริญ

 

            เหตุการณ์ตอนที่พระเยซูคริสต์ทรงลูกลาเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มเฉกเช่นกษัตริย์เสด็จเข้าสู่กรุงอย่างสมพระเกียรติ เป็นภาพจำที่เกิดขึ้นทำให้รับรู้ถึงการยอมรับพระเยซูในฐานะกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล เพราะสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด มีศักดิ์และสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ที่จะขึ้นครองราชย์ 

แต่เนื่องจากนี่ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด เพราะในฐานะพระบุตรที่เสด็จมาในโลก ทรงมีแผนการณ์ที่สูงกว่าความคิดของมนุษย์คือ ทรงเป็นกษัตริย์แห่งดวงใจของมวลประชาชาติแบบนิรันดร์กาล ไม่ใช่แค่ดำรงตำแหน่งในประเทศหรือในโลกนี้เท่านั้น 

แต่ถึงกระนั้นประชาชนที่รอรับเสด็จ พวกเขายังเต็มใจที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ แม้ไม่เข้าใจแผนการณ์ทั้งหมดก็ตาม  ผู้บันทึกพระกิตติคุณต่างบันทึกถึงการโห่ร้อง ยกย่องสรรเสริญ แสดงความยินดี ความหวัง ที่มีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมา ซึ่งรอคอยมานับพันปี บ้างปูใบไม้ ทางตาล และเสื้อผ้าของตนลงบนทางเดินเพื่อให้ดำเนินไปบนนั้น (ลูกา 19:36-40)

            เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำทางศาสนาในกลุ่มของฟาริสี ขณะนั้นมีอำนาจต่อสังคมอย่างสูง ถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายแม้หลายครั้งพวกเขาทำเกินกว่าเหตุ  เมื่อมีพระเยซูมาแย่งความนิยมจากมวลชนที่เคยอยู่ใต้อำนาจของตน  จึงไม่พอใจอย่างยิ่ง  พวกเขาสั่งให้พระเยซูห้ามผู้คนให้หยุดรับเสด็จกษัตริย์ของเขา ให้หยุดการโห่ร้องสรรเสริญ ให้หยุดนิ่งเงียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 


ลองคิดดูว่าในสถานการณ์ อารมณ์ของฝูงชนในขณะนั้น ใครจะหยุดพวกเขาได้ !  


แม้พระเยซูมีอำนาจจะสั่งให้ทุกอย่างสงบเงียบได้ในพริบตา อย่างที่ทรงห้ามลมพายุและคลื่นทะเล ทรงให้คนใบ้พูด ทรงให้คนตายฟื้น แต่นั้นไม่ใช่พระประสงค์ และไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของฟาริสีที่ไม่หวังดี

คำตอบของพระเยซูทำให้ฟาริสีต้องหน้าหงาย


“เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถึงคนเหล่านี้จะนิ่งเสีย ศิลาทั้งหลายก็ยังจะส่งเสียงร้อง

 

ไม่มีใครหยุดกิจการของพระเจ้าได้ แม้อำนาจทางการเมือง ก็ไม่อาจหยุดอำนาจของประชาชนที่กำลังทำตามสิ่งที่สมควรตามพระประสงค์นั้นได้  อาจจะบีบบังคับให้เขาหยุดหากต้องการ พระเยซูยืนยันว่า หากไม่ให้คนเหล่านั้นส่งเสียง พระเจ้าจะให้ก้อนหินส่งเสียงแทน

พระเจ้าสอนให้เราให้เกียรติแก่กันและกัน ให้เกียรติแก่คนที่สมควรได้รับ ให้ทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า (โรม 12.10, 13.7,1 ทิโมธี 5.17, 1 เปโตร 2.17, 1โครินธ์ 10.31)

 

หากเราไม่ถวายเกียรติ ไม่ให้เกียรติ พระเจ้าสามารถใช้สิ่งอื่นทำหน้าที่แทนเราได้

 

 ยอห์นผู้ให้บัพติศมา เตือนคนที่คิดว่าตนเองมีเชื้อสายจากบรรพบุรุษแห่งความเชื่อ แต่กลับไม่ได้สำแดงชีวิตในความเชื่ออย่างแท้จริง


อย่านึกเหมาเอาในใจว่าตัวมีอับราฮัมเป็นบิดา เพราะเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์อาจจะให้บุตรเกิดขึ้นแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้ - Matthew 3:9 ​

 

พระเจ้าสามารถใช้ก้อนหินทำงานแทนเราที่ไม่รับผิดชอบต่องานของพระเจ้าได้

 

พระเจ้าสามารถใช้ก้อนหินแซ่ซ้องสรรเสริญแทนคนที่ไม่ยอมสรรเสริญ

 

ตราบใดที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ให้รีบรับใช้ เชื่อฟัง และนำการสรรเสริญจากปาก จากใจ และช่วยให้คนอื่น ๆ สรรเสริญพระเจ้า 

 

อย่าให้อายก้อนหิน และต้นไม้ใบหญ้าที่พระเจ้าสร้างมาโดยไม่มีเสียงพูดต้องมาทำหน้าที่แทนเราเลย

จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิดPsalms 15.6

 

“สรรเสริญ พระเจ้า” !!

 

อาเมนมั้ยครับ



 

(ภาพประกอบ ผมถ่ายให้เห็นมุมกว้างของเมืองเก่า บริเวณภูเขาพระวิหาร และภูเขามะกอกเทศ ที่เกิดเหตุการณ์ก้อนหินแห่งการสรรเสริญเล่าเรื่อง)