30 กรกฎาคม 2564

Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (3) โดย บัณฑิต ดาแว่น

 

คิดอย่างบัณฑิต

ข้อคิดจากอิสราเอล

Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (3)

โดย บัณฑิต ดาแว่น

 

ก้อนหินแห่งการประหาร


            จากการสังเกตในการเดินตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล พบว่าไปที่ไหนก็เห็นแต่ก้อนหิน  สามารถหยิบฉวยขึ้นมาใช้ มาทำอะไรได้ทุกช่วงเวลา ทุกพื้นที่  ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นว่า นี่น่าจะเป็นต้นเหตุทำให้แนวทางการลงโทษขั้นสูงสุดของชนชาติอิสราเอลคือ การขว้างด้วยก้อนหินให้ตาย

            พระเยซูคริสต์เผชิญกับสถานการณ์ที่เกือบจะถูกหินขว้างให้ตายอยู่หลายครั้งจากการถูกล่าวหาว่าพระองค์หมิ่นประมาทพระเจ้าด้วยการสอนและอ้างตัวว่าตนเองเป็น พระคริสต์ (พระเมสสิยาห์ หรือ ผู้ถูกแต่งตั้งเพื่อช่วยให้ชนชาติอิสราเอลรอดพ้นจากศัตรู และต่อมาเราเข้าใจอย่างสมบูรณ์ว่า พระเยซูคริสต์เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นจากบาป ความตายและมารร้ายที่เป็นศัตรูของมวลมนุษย์)

            พระเยซูช่วยให้หญิงคนหนึ่งรอดพ้นจากการถูกหินขว้างตามกฎของบัญญัติ (ยอห์น 8.1-11) แม้เธอจะทำผิดจริงและถูกจับได้คาหนังคาเขา แต่เหตุจูงใจของผู้นำศาสนาเวลานั้นพวกเขาหวังจะจับผิดพระเยซูพร้อมทั้งลงโทษผู้หญิงคนนั้นไปควบคู่กัน  จึงใช้เหตุการณ์นี้มาเป็นอุบายให้พระเยซูหมดทางหนี  ผิดทุกคำตอบ ไม่ชอบทุกประเด็น  หากจะตอบว่าควรประหารให้ตายก็แสดงถึงความใจร้ายของพระองค์ ไม่เหมือนที่สอนมาตลอดว่าทรงรักมวลมนุษย์ แต่ถ้าตอบว่าไม่ให้ลงโทษ คนก็จะโกรธที่พระองค์ไม่ทำตามกฎหมายไร้ความเป็นธรรม  พวกเขาได้ทีถามซ้ำ ๆ หวังจะขย้ำพระเยซูให้จมดินไปด้วย (อ่านรายละเอียดในยอห์น 8.1-11)

เขาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า หญิงคนนี้ถูกจับเมื่อกำลังล่วงประเวณีอยู่ ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนเช่นนี้ให้ตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้”

 

เขาพูดอย่างนี้ เพื่อทดลองพระองค์หวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์ แต่พระเยซูทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดิน -  John 8:4-6

 

            แต่ด้วยพระสติปัญญาปรีชาชาญ พระเยซูไม่ตอบโดยตรง ทรงใช้นิ้วเขียนที่ดิน ...

และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นตรัสตอบเขาว่า “ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน”- John 8:7

 

            ว่าแล้วทรงก้มลงเขียนที่ดินต่อไปอีก  ผลปรากฏว่าคนที่หวังจะคว้าก้อนหินมาขว้างทั้งผู้หญิงคนนั้น และพระเยซูให้ตายตามไปอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับทยอยถอยหนีออกไปทีละคนสองคนจนเหลือแต่พระเยซูและผู้หญิงคนนั้น  พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า คนที่ถอยออกไปก่อนคือคนเฒ่าคนแก่  


น่าคิดนะครับว่า ทำไมคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นถึงต้องถอยไปก่อนใคร หากจะลองคิดดูจะพบว่า คนที่มีประสบการณ์ชีวิตมายาวนานย่อมรู้ดีแก่ใจว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ และทำอะไรมาก่อนหน้านั้นบ้าง ยิ่งได้ยินคำถามจากพระเยซูว่า “ใครที่ไม่มีผิด ไม่มีบาป ไม่เคยพลาดพลั้ง ให้ลงมือขว้างหินให้หญิงคนนี้ตายก่อนเลย”  


การถอยออกไปเป็นสัญญาณบงชี้ว่า ไม่มีใครเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงพอที่จะหยิบก้อนหินขว้างคนอื่นได้เลย  ตรงตามความจริงที่พระคัมภีร์กล่าวว่า  ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นคนชอบธรรมโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติได้ เพราะว่าธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาปได้ เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า - Romans 3:10, 20, 23

 

            ก้อนหินแห่งการประหาร ไม่สามารถกำจัดความบาปชั่วให้หมดสิ้นไปได้ แต่หัวใจแห่งความรักและของประทานอันประเสริฐจากพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์นั้นสามารถช่วยเราให้รอดพ้นจากโทษทัณฑ์ของบาปและความตายได้

เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา- Romans 6:23 ​

 

ลองคิดสักนิดว่าคุณกำลังใช้ก้อนหินในการประหัตประหารคนให้ตาย หรือเพื่อช่วยคนให้รอด ?

 

การที่คุณคิดว่าใครเลวทรามชั่วช้านั้นใช้มาตรฐานอะไรเป็นตัวชี้วัด ?

 

หากคุณคิดว่าดี เด่น ดังกว่าใคร แต่แท้จริงภายในชีวิตชอบธรรมที่จะตัดสินเขาหรือไม่ ?

 

ให้ก้อนหินแห่งการประหาร ที่พระเยซูสอนครั้งนี้เป็นตัวชี้วัดนะครับว่า  “ใครที่ไม่มีผิด ไม่มีบาป ไม่เคยพลาดพลั้ง ให้ลงมือขว้างหินให้คนนี้ตายก่อนเลย”  


คุณจะถอยออกไปด้วยใจยอมรับความจริงหรือไม่ ?

 

ติดตามก้อนหินเล่าเรื่องต่อไป...

(ภาพประกอบถ่ายเมื่อ 2019 คือ บริเวณ Dorm of the Rock ที่เชื่อว่าเป็นบริเวณพระวิหารโบราณของอิสราเอล และเป็นที่เหตุการณ์ที่ก้อนหินแห่งการประหารได้เล่าเรื่องในครั้งนี้ด้วย)