25 ตุลาคม 2554

ประเทศไทยใน 7 F โดย บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต  โดย บัณฑิต  ดาแว่น 

ประเทศไทยใน 7 F  (Thailand 7#F )

จากสถานการณ์ทางสังคม การเมือง ช่วงที่ผ่านมา  จนมาถึงวิกฤติการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทย  อาจสรุปได้ด้วย 7 F ดังนี้

F#1:  Fight = การต่อสู้   คนไทยมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ต่อเนื่อง เป็นเวลาหลายปี  มีการการแตกแยก แบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งสี แบ่งชนชั้น  ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่า คนไทยที่เคยรักสงบ สันติ  สามัคคีกันดีมาตลอดนั้น จะมีการต่อสู้กันได้รุนแรงขนาดนั้น  สร้างความสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน มีผลกระทบทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง อย่างประเมินค่าเสียหายไม่ได้

F#2:  Fire = ไฟไหม้  ในการต่อสู้กันนั้น ไม่เพียงแค่ใช้อาวุธทางลมปาก อาวุธทางสื่อมวลชน สื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ แล้ว ยังมีการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จริง จนเกือบจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง  ที่น่าเศร้าคือ ปิดท้ายด้วยการ “จุดไฟเผา”  สถานที่สำคัญทางราชการ และสถานที่ทางเศรษฐกิจ ทั้งในต่างจังหวัดและใจกลางทางเศรษฐกิจในกรุงเทพ  ควันไฟดำทะมึนอบอวน และพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สร้างความมืดครึ้ม หดหู่  ทุกข์ เศร้า เสียใจไปทั่ว

F#3:  Flood = น้ำท่วม  หลังจากยุติการต่อสู้กันไปหมาดๆ  ยังไม่ทันจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ หรือเยียวยาความบาดหมางให้กลับดีดังเดิมได้  ก็เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่  มวลน้ำมหึมาจากภาคเหนือ สู่ภาคกลางและกรุงเทพฯตามลำดับอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  หลายคนตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ?”  ธรรมชาติกำลังเอาคืน หรือทวงถามอะไรบางอย่างที่มันขาดหายไปจากน้ำมือของมนุษย์หรือเปล่า ?  บางคนคิดว่า น้ำท่วมครั้งนี้อาจเป็นการทำความสะอาดและขจัดความบาดหมางของไทยหรือเปล่า ?  เพราะมีสัญญาณของการร่วมมือกันของทุกฝ่ายมากขึ้น โดยมาร่วมกันช่วยเหลือ เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย  เรียกได้ว่า น้ำท่วมไม่ใช่เพียงแต่สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังมีด้านดีที่เกิดขึ้นท่ามกลางสังคมไทย ความสมานฉันท์ ปรองดอง ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เริ่มจะเกิดขึ้นได้ในยามวิกฤติเช่นนี้

F#4:  Fear = ความกลัว   ความกลัว ความกังวล ความสับสน ความทุกข์ลำบากได้เกิดขึ้นกันทุกคน ทุกฝ่าย ทั้งคนไทย และต่างชาติที่เกี่ยวข้อง  ความกลัว กังวลถึงเรื่องชีวิต ความเป็นอยู่ งาน อาชีพ ครอบครัว และอนาคต มันกระทบไปถึงหัวใจของผู้คนจำนวนมาก กระจายไปทั่วถิ่น แม้กระทั่งประชาคมโลกยังต้องหวั่นไหว เพราะแหล่งเพาะปลูกข้าว อาหารของโลกได้สูญสลายไปกับสายน้ำจำนวนมาก

F#5:  Future = อนาคต  ต่อจากนี้ไปประเทศไทยจะเป็นอย่างไร  อนาคตของโลก และชีวิตจะเป็นอย่างไร  เป็นความรู้สึกและคำถามเกิดขึ้นในใจของผู้คน  ดูเหมือน โลกนี้ ชีวิตนี้ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว  โลกกำลังแย่ลง หรือจะดีขึ้น  เราจะทำอย่างไรกันดี มีคำถามที่ยากจะหาคำตอบที่จุใจได้ในเวลานี้

F#6:  Forgive = การให้อภัย   ขอให้เกิดการยกโทษ การให้อภัย อันเนื่องมาจากความบาดหมาง การต่อสู้ การเกลียดชังกันที่ผ่านมาให้หมดสิ้น ขอให้สิ่งที่ผ่านพ้นมานั้นกลายเป็นบทเรียนสอนใจทุกคน ทุกฝ่าย แม้จะเป็นเรื่องยากแต่หวังว่าการคืนดีอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นกับคนไทย เพื่อยืนหยัดในวันนี้ และมุ่งสู่วันพรุ่งนี้ด้วยพลังแห่งรัก  ขอให้ทุก “สี” เชื่อมโยงกันจนกลายเป็น “สี-มัค-คา”  = “สามัคคี” กันต่อไป

F#7:  Faith = ความเชื่อ   ขอให้มีความเชื่อ ความศรัทธาที่มั่นคงเกิดขึ้นกับทุกคน เพื่อจะมีความหวัง กำลังใจ และสามารถผ่านพ้นวิกฤติเหล่านี้ไปให้ได้   ขอให้เชื่อมั่นว่ายังมีพระผู้เป็นเจ้าที่ยังทรงรัก ห่วงใย ทรงพร้อมช่วยเหลืออยู่เสมอแม้ในยามยากลำบาก   โดยความเชื่อในพระเจ้า จะช่วยให้เกิดความรอดพ้น เกิดการให้อภัยด้วยใจรักและการคืนดีกันอย่างแท้จริง  เมื่อมีศรัทธาย่อมมีปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้น  แม้ดูเหมือนจะเกินกำลังของมนุษย์ แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของพระเจ้าที่จะสำแดงพระคุณ พระเมตตา  ขอเพียงเริ่มด้วยความเชื่อ ทุกสิ่งเป็นไปได้โดยพระเจ้า

          แม้จะมี 5 F  คือ  Fight, Fire, Flood, Fear และ Future ที่ทำให้เกิดต่อสู้ ร้อนรุนแรง และสูญเสีย ทำให้เกิดความทุกข์โศกเศร้า กลัว กังวล ทั้งในปัจจุบันและอนาคต  แต่ 2 F คือ Forgive และ Faith  ที่เป็นการอภัยและความเชื่อศรัทธา  เป็นหนทางแก้ไข เยียวยาทั้งในวันนี้และสืบไป  ขอจงมั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้าที่กล่าวว่า 

...องค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศว่า เพราะเรารู้แผนการที่เรามีไว้สำหรับเจ้า
เป็นแผนการเพื่อทำให้เจ้ารุ่งเรืองมิใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เป็นแผนการเพื่อให้ความหวังและอนาคตแก่เจ้า
แล้วเจ้าจะร้องเรียกเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า  เจ้าจะแสวงหาเรา และพบเรา
เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจของเจ้า"  (ยรม.29.11-13 อมต.ร่วมสมัย)

*Follow the instruction below.*
1) Stare at the 4 little dots on the middle of the picture for 30 seconds 
2) then look at a wall near you
3) a bright spot will appear
4) twinkle a few times and you‘ll see a figure
5) What do you see? Or even WHO do you see?


จ้องมองภาพสัก 30 วินาที หันไปมองผนังที่อยู่ใกล้ หลับตาและรีบลืมตามองไปที่ผนัง   ในชั่วขณะนั้นจะเห็นใบหน้าใครบางคน ลองนึกดูว่าคุณเห็นใคร