14 กันยายน 2554

“ออกไป...จับปลา” โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต  โดย บัณฑิต  ดาแว่น

“ออกไป...จับปลา”

ท่ามกลางรุ่งเช้าแห่งความว่างเปล่า ล้มเหลว ไม่สมหวังดังใจในการจับปลาที่ผ่านมาตลอดคืนของชาวประมงมืออาชีพอย่างซีโมนและเพื่อน  พวกเขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่การซักอวน ทำความสะอาดอุปกรณ์จับปลาด้วยความเหน็ดเหนื่อย แบบซังกะตายปนความสิ้นหวังเล็กน้อย  (ลูกา.5-1-11)
แต่หลังจากพระเยซูขึ้นมาบนเรือของเขา และใช้เป็นเวทีสั่งสอนประชาชนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสกับซีโมนว่า   “จงถอยออกไปที่น้ำลึก   หย่อนอวนลงจับปลา”   ผมลองจินตนาการไปว่าซีโมนคงแทบจะไม่เชื่อหูตนเอง  เขาคงจะขอให้พระเยซูทวนคำสั่งอีกครั้ง พลางคิดในใจว่า “อาจารย์ว่าอะไรนะ ออกไปจับปลาอีกนะรึ! นี่มันกลางวันแสกๆ”  แม้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรต่อคำสั่งนั้น แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาเป็นการตอบสนองคือการอธิบายเหตุผลว่าตลอดทั้งคืนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้ว แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวของอาจารย์เยซู  พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า  ...ซีโมนทูลตอบว่า   “พระอาจารย์เจ้าข้า   ข้าพระองค์ทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่งไม่ได้อะไรเลย   แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์” เมื่อเขาหย่อนลงแล้วก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก   จนอวนของเขากำลังปริ  เขาจึงทำสำคัญแก่เพื่อนที่อยู่ในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย   เขาก็มาช่วย   แล้วได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำ   จนเรือเพียบ...
ผลจากการเชื่อฟังและกระทำตามพระดำรัสพระเยซูในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการพลิกผันสถานการณ์ ความเข้าใจ และชีวิตของซีโมนและเพื่อนไปอย่างสิ้นเชิง  นอกจากพวกเขาจะได้ปลาจนเต็มลำเรือ จนต้องขอให้คนอื่นมาช่วยแบ่งปลาไปที่เรืออีกลำแล้ว ยังส่งผลต่อความเข้าใจของเขาต่อพระเยซูว่าไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาอีกต่อไป  เขากราบลงแทบเท้าพระเยซูแสดงความเคารพอย่างสูง  อีกทั้งรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยอันเนื่องจากชีวิตที่สกปรกและผิดบาปไม่คู่ควรที่จะอยู่ใกล้องค์ผู้สะอาดบริสุทธิ์  เขาพูดออกมาด้วยท่าทีที่ยำเกรงว่า  “พระองค์เจ้าข้า   ขอเสด็จไปให้ห่างจากข้าพระองค์เถิด   เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป”  แต่พระเยซูรู้ถึงชีวิตของพวกเขและทรงมีแผนการประเสริฐสำหรับเขา ทรงเมตตาและเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาให้กลายเป็นผู้ที่นำคนมารู้จักพระเจ้าต่อไป พระเยซูตรัสแก่ซีโมนว่า   “อย่ากลัวเลย   ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน” เมื่อเขานำเรือมาถึงฝั่งแล้ว   เขาก็สละสิ่งสารพัดทิ้ง   ตามพระองค์ไป...  
  ท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตของเรา  หลังจากเหน็ดเหนื่อย ผิดหวังกับสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา ทั้งเรื่องชีวิต การทำงาน ครอบครัว คริสตจักร และการรับใช้  ขอให้มั่นใจว่า ยังมีโอกาสใหม่ที่พระเยซูพร้อมประทานให้เราได้ด้วยเช่นกัน  เพียงแต่เราจะยอมฟังเสียงพระดำรัสของพระองค์ กระทำตาม ด้วยใจเชื่อมั่นศรัทธา  แม้จะมีประสบการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก  เคยลองมาหลายครั้ง  พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่สำเร็จสักที และดูเหมือนสถานการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยมากนัก  ขออย่าหมดหวัง หมดกำลังใจแต่เพียงเท่านี้เลย  เพราะพระเยซูสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส  ทรงสามารถทำสิ่งที่เกินความเข้าใจ เกินความสามารถของมนุษย์ได้ และที่สำคัญทรงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้... ฟังเสียงของพระองค์และทำตามเมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึก   หย่อนอวนลงจับปลา” 
ที่ผ่านมาคริสเตียนไทยมีเป้าหมายจะนำคนมารู้จักพระเจ้ามากขึ้น  เช่น นิมิต 2000 ตั้งเป้าหมายว่าจะมีคริสเตียน 6 แสน มีคริสตจักร 6 พันแห่ง ผู้นำ 6 พันคน และมีมิชชั่นนารี 60   ต่อมามีนิมิต 2010 ตั้งเป้าหมายว่าจะมีคริสตจักรทุกอำเภอ กลุ่มคริสเตียนทุกตำบล และคนได้ยินข่าวประเสริฐทุกหมู่บ้าน  แม้เราจะบรรลุเป้าหมายระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงระดับสูงสุดจริงๆ  จำนวนคริสเตียนยังอยู่ในระดับน้อยมากเมื่อเทียบจำนวนประชากรไทย 
ล่าสุดเรามีเป้าหมายใหญ่ร่วมกันอีกในนามนิมิต 2015 ที่ต้องการมีคริสเตียน 1 ล้านคน ณ ปัจจุบันปี 2011 มีอยู่ประมาณ 4 แสนคน  หากมองด้วยกำลัง สติปัญญา และความสามารถของมนุษย์ รวมทั้งสถานการณ์ต่างๆ ดูเหมือนไม่ง่ายเลยที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ แต่ “โดยพระองค์ เราทำได้”  “โดยพระเจ้า เราเชื่อว่าเป็นไปได้”  นี่จะเป็นสัญญาใจอีกครั้งของคริสเตียนไทยที่จะยึดมั่นในพระสัญญา และกระทำตามพระบัญชาของพระเยซูคริสต์
อย่าให้ความล้มเหลว ความผิดหวังในอดีต หรือ สถานการณ์ในปัจจุบัน มาปิดกั้นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่พร้อมจะช่วยเราให้พบกับสถานการณ์ใหม่ ความเข้าใจใหม่ และชีวิตใหม่ เหมือนอย่างที่ซีโมนเปโตรและเพื่อนได้รับมาแล้ว  สิ่งสำคัญคือ เราต้อง “ออกไป และจับปลา” ตามพระดำรัสของพระเยซูเสียก่อน  จึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการเป็นผู้จับคนดั่งจับปลาต่อไปได้
คุณพร้อมจะออกไปจับปลาด้วยกันมั๊ยครับ ?