31 พฤษภาคม 2558

เพื่อชีวิตที่มั่นคงและก้าวไกล โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต 
โดย ศจ.บัณฑิต  ดาแว่น


เพื่อชีวิตที่มั่นคง
และก้าวไกล


เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสตเจ้าแล้วฉันใด   จงปฏิบัติพระองค์ด้วยฉันนั้น 7จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์   และมั่นคงอยู่ในความเชื่อ   ตามที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมาแล้ว   และจงบริบูรณ์ด้วยการขอบพระคุณ (Colossians 2:6-7)
            หากคุณปรารถนาชีวิตที่มั่นคงและก้าวไกล  ทั้งชีวิตส่วนตัว และการทำงาน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า  ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่ และยาก ที่ต้องอาศัยทั้งความอึด (อดทน) และ ความเก๋า (เก่งและกล้าด้วยประสบการณ์) และยังต้องอาศัย การอวยพระพร และ ความสำเร็จ จากองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นผู้ให้คำตอบสุดท้ายอย่างแท้จริง ดังพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า  แผนงานของดวงความคิดเป็นของมนุษย์  
  แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระเจ้า
   (
Proverbs 16:1) เราเป็นผู้ปลูกและรดน้ำ แต่การเติบโตและเกิดผลสำเร็จนั้นเป็นอำนาจของพระเจ้า (I Corinthians 3:6) 
ทำอย่างไรที่จะให้ชีวิตมั่นคงและก้าวไกล ไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน...
1.  อย่าลืม ! ว่าคุณเป็นใคร 
            การรู้จักตนเอง ว่าเป็นใคร ต้องทำอะไร เพื่ออะไร  เป็นหลักการใช้ชีวิตที่จำเป็นสำหรับทุกคน  หากใครไม่สามารถตอบคำถามพื้นฐานนี้ได้ คงไม่อาจดำรงชีวิตอย่างปกติสุขได้  การรู้จักตนเอง ใช่ว่าจะเป็นเพียงการรู้ชื่อ สกุล ที่อยู่ ตำแหน่ง ฐานะ ที่เป็นอยู่เท่านั้น  แต่ยังหมายถึงการรู้ถึงตัวตนภายใน หรือ ความหมายของชีวิต เป้าหมายของการดำรงชีวิตอยู่และความมุ่งหวังทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่ชัดเจนด้วย  ถึงจะสามารถนำพาชีวิตมั่นคงและก้าวไกลได้อย่างยั่งยืน
            พระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เข้าใจความจริงว่า เราเป็นใคร และจำเป็นต้องทำอะไร เพื่ออะไรกันแน่  จากบทเรียนที่ได้รับจากพระธรรมโคโลสี บทที่ 2 ข้อ 6 ถึง 7 และ ภาพรวมตอนอื่นๆ  ก็พบว่า  "...ท่านได้รับพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว..."  หมายความว่า  ความเป็นตัวตนของคุณคือ การเป็นผู้ยอมรับพระเยซูคริสต์  โดยการเชื่อและไว้วางใจในพระนามของพระองค์  ยอมรับว่าพระองค์ทรงพระเจ้าที่เกิดเป็นมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ ปราศจากบาป มลทิน  ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเป็นค่าไถ่ความผิดบาปของมวลมนุษย์ ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและยังทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ อีกทั้งยังสัญญาว่าจะกลับมารับผู้เชื่อไปอยู่กับพระองค์ที่สวรรค์ด้วย  คุณเชื่อและยอมรับอย่างนั้นหรือไม่ ? หากคุณเชื่อเช่นนั้น คุณคือคนของพระเยซูคริสต์แล้วครับ และเป็นคนที่พระองค์จะปกป้องดูแลดั่งลูกแกะในคอกของพระองค์ ที่ไม่ยอมให้ขโมยหน้าไหนมากล้ำกลายได้
            คุณไม่เพียงเป็นคนธรรมดา ที่มีชื่อ สุกล ที่อยู่ ฐานะ ตำแหน่ง ที่สังคมโลกกำหนดกันขึ้นมาเท่านั้น แต่ตัวตนที่แท้จริงของคุณคือ ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เป็นคนของพระองค์ เป็นประชากร เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่พระเยซูรับรองคุณด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่
            สิ่งที่ควรกระทำเพื่อตอบสนองต่อการอยู่ในฐานะคนของพระเยซู คือ การดำเนินชีวิตในพระองค์ ทำตามพระองค์ เลียนแบบพระองค์  และ...จงปฏิบัติพระองค์ด้วย หมายถึงทำทุกสิ่งเพื่อพระองค์ ทำให้สมกับเป็นคนของพระเยซู นั่นเอง เพราะคุณเป็นคนของพระเยซู ชื่อของคุณ ที่ที่คุณอยู่  งานที่คุณทำ และทุกสิ่งในชีวิตของคุณล้วนมีพระเยซูอยู่ด้วยเสมอ  ไม่ว่าคุณจะทำสิ่งดีหรือร้าย จะมีผลกระทบต่อพระนามของพระเยซูด้วยเสมอ  ดังนั้น หากคุณรู้ว่าตนเองเป็นใคร และต้องทำอะไรอย่างแท้จริงแล้ว คุณควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ !
            การรู้ตัวตนและรู้ถึงสิ่งที่ควรทำอย่างแท้จริง มักนำพาชีวิตที่มั่นคงและก้าวไกลได้มากกว่า คุณว่ามั้ย !
2.  อย่าลืม ! พัฒนาชีวิตตนเองอยู่เสมอ
            คนที่คิดว่าตนเองมั่นคงแล้ว ดีแล้ว สำเร็จแล้ว มักพลาดพลั้งได้ (I Corinthians 10:12) เพราะความประมาท ความหลงระเริง มักนำพาสู่ความผิดพลาดล้มเหลวอย่างเจ็บปวด  ดังนั้น การที่จะดำเนินชีวิตให้มั่นคงและก้าวไกลอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ  ทั้งของประทาน พรสวรรค์ พรแสวงที่มีอยู่ในตัว ยังต้องดูแล และกระทำให้รุ่งเรืองยิ่งขึ้น ทำให้เกิดทักษะ ความชำนาญและเชี่ยวชาญ ในแต่ละด้านให้มากขึ้น (II Timothy 1:6)  ไม่เก็บไว้โดยเปล่าประโยชน์แต่ต้องหาวิธีที่จะทำให้เกิดดอกออกผลที่ดีเสมอ  จึงจะเป็นที่ใช้การได้และได้รับคำชื่นชม รวมทั้งรับบำเหน็จรางวัลตามสมควร(Matthew 25)  อาจารย์เปาโลแนะนำว่า  "...จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์   และมั่นคงอยู่ในความเชื่อ   ตามที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมาแล้ว   และจงบริบูรณ์ด้วยการขอบพระคุณ..."
            ชีวิตจะมั่นคงก้าวหน้า ก้าวไกล ไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ย่อมขึ้นอยู่กับการรู้จักพัฒนา ต่อยอด ประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมกับตนเอง และเหมาะแก่สถานการณ์ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น แรงกล้า ท้าท้าย ซึ่งต้องลงทุน ลงแรง ลงเวลา และลงชีวิตอย่างแท้จริงด้วย  ดังตัวอย่างอาจารย์เปาโลที่กล่าวว่า... ส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งโดยมีเป้าหมาย   ข้าพเจ้ามิได้ต่อสู้อย่างนักมวยที่ชกลม แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ   เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว   ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้(I Corinthians 9:26-27) และยังสอนอีกว่า...  อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน   แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง   ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ   ในความรัก   ในความเชื่อ   และในความบริสุทธิ์ 13จงใฝ่ใจในการอ่านพระคัมภีร์ในที่ประชุม   ในการเทศนาและในการสั่งสอนจนกว่าเราจะมา 14อย่าละเลยความสามารถที่มีอยู่ในตัวท่าน   ซึ่งได้ทรงประทานแก่ท่านตามคำพยากรณ์   เมื่อคณะผู้ปกครองได้เอามือวางบนท่าน 15จงปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้   โดยถือเป็นชีวิตจิตใจ   เพื่อความเจริญของท่านจะได้ปรากฏแก่คนทั้งปวง 16จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน   จงยึดข้อที่กล่าวนี้ให้มั่น   เพราะเมื่อกระทำดังนั้น   ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้ (I Timothy 4:12-16) 
            คุณไม่ได้ทำแต่ละอย่างด้วยกำลังสติปัญญาเพียงลำพัง แต่มีพลังจากเบื้องบน สำหรับคนของพระเยซูอีกมากมายที่จะช่วยกระตุ้น ผลักดัน ป้องกัน จัดเตรียม และประทานความสำเร็จอย่างอัศจรรย์  จึงมั่นใจได้เลยว่า ทุกย่างก้าวของชีวิต มีพระเยซูคริสต์อยู่เคียงเสมอ จึงสามารถไปไกลกว่าที่คิด มีชีวิตที่มั่นคงกว่าที่หวัง

            ชีวิตจะมั่นคง ก้าวไกล ไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ทุกวันและคืน คุณต้องทำความเข้าใจและรู้ให้ได้ว่า คุณเป็นใคร ต้องทำสิ่งใด เพื่ออะไรกันแน่ ทั้งมุ่งมั่นพัฒนาจากสิ่งที่มีอยู่ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และย้ำเตือนเสมอว่า คุณไม่ใช่แค่  นาย... นาง... นางสาว... ดอกเตอร์... ศาสตราจารย์... อาจารย์...ศิษยาภิบาล...ศาสนาจารย์... ท่านประธาน..ท่านเลขาฯ... ท่านผู้อำนวยการ... หรือแม้แต่ ฯพณฯ ท่านเท่านั้น !!  ... แต่คุณคือ คนของพระเยซูคริสต์ ที่ต้องรับใช้พระองค์  ตอบสนองต่อพระคุณของพระองค์อย่างสุดชีวิต จิตใจ กำลัง ความคิดอยู่เสมอ เพราะนั่นคือ สิ่งที่จะนำพาความมั่นคง ก้าวหน้า ก้าวไกลในชีวิตอย่างแท้จริง !

          คุณเชื่อเช่นนี้หรือไม่ ?