18 ธันวาคม 2556

ด้วยมีเด็กคนหนึ่ง เกิดมาเพื่อเรา โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต
ด้วยมีเด็กคนหนึ่ง เกิดมาเพื่อเรา
โดย บัณฑิต  ดาแว่น 

 
ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา  
 มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา  
  และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน  
 และท่านจะเรียกนามของท่านว่า  
  “ที่ปรึกษามหัศจรรย์  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์  
 พระบิดานิรันดร์  องค์สันติราช”   (อิสยาห์ 9.6)
          "ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา..."   เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ที่ผู้พยากรณ์อิสยาห์ได้ประกาศไว้ประมาณ 700 ปี ก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาประสูติ  จากประวัติศาสตร์และการบันทึกของพระคัมภีร์ พบว่า พระเยซูคริสต์ เกิดที่บ้านเบธเลเฮม แคว้ยยูเดีย  เป็นลูกของโยเซฟ และมารีย์ ผู้เป็นช่างไม้และหญิงสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล คือ แควันกาลิลี  แต่โดยทางพงษ์พันธ์แล้วเซฟและมารีย์เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากดาวิด กษัติรย์ผู้เกรียงไกรของประเทศอิสราเอล  ซึ่งเป็นลูกหลานของอับราฮัมบิดาของชนเผ่า และสืบชาติกำเนิดมาจากอาดัม มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าทรงสร้าง 
          พระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้า ผู้สร้างฟ้าและจักรวาล (ยน.1.1-14) ทรงเริ่มต้นงานของพระองค์ในโลกนี้ฐานะ "เด็ก" คนหนึ่ง  เด็กที่เพิ่งลืมตาขึ้นมาดูโลกก็คือ "ทารก" ที่ยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และทารกนั้นย่อมต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นแทบทุกเรื่อง  แต่สำหรับพระเยซูผู้เป็น "เด็ก" คนนี้นั้น กลับเป็น เด็ก ที่เกิดมาเพื่อคนทั้งหลาย  เป็นความหวังของสังคม ประเทศชาติ เป็นผู้แบกรับภาระของชนชาติทั้งหลายไว้ เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา เป็นผู้ประกอบด้วยฤทธานุภาพ  เป็นพระบิดาตลอดกาล เป็นผู้สร้างสันติสุขให้แก่ชีวิตผู้คนและในโลก  ทุกสิ่งที่พยากรณ์ไว้ ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วปฐพี จากอดีตถึงปัจจุบัน และสืบไปในอนาคต
          สิ่งยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ เกินจะบรรยาย เริ่มต้นจาก "เด็ก" ทารกคนหนึ่งที่เกิดมาในโลกนี้นามว่า "เยซู" ซึ่งหมายความว่า "ผู้ช่วยให้รอดพ้นจากบาป"  ทุกอย่างสวนทางกับความคิดของมนุษย์  เพราะมนุษย์มักต้องการเริ่มอะไรจากสิ่งใหญ่ๆ เพราะทำให้รู้สึกถึงพลัง โอกาสที่จะถึงความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และเห็นความยิ่งใหญ่ของตนได้มากกว่าเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย  แต่ความคิดของพระเจ้าสูงกว่า ลึกซึ้งกว่า ยาวไกลกว่าความคิดและวิถีทางของมนุษย์  พระองค์ทรงกระทำสิ่งยิ่งใหญ่จากสิ่งเล็กน้อยได้  เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยสติปัญญา และไม่ใช่ด้วยอำนาจของมนุษย์ แต่ด้วยฤทธานุภาพอันไร้ขีดจำกัดของพระเจ้านั่นเอง !  เพื่อจะไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งอวดได้ว่า เป็นเพราะการกระทำของตนเอง  แต่ทั้งสิ่งเป็นไปโดยพระเมตตาคุณของพระเจ้า ตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จ
          ตั้งแต่อยู่ในท้อง พระเยซูทรงให้มารีย์มีความหวังและความสุขใจที่แม้เธอเป็นเพียงผู้เล็กน้อย แต่ได้รับการยกขึ้นอย่างสูง (ลก.1.44-55)  เมื่อเกิดมา กุมารเยซู ก็เป็นผู้ให้โอกาสกลุ่มคนเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นพวกที่ด้อยโอกาสในสังคมเข้าพบเชยชมเป็นพวกแรก (ลก.2.15-18)  เมื่ออายุได้แปดวัน ก็เป็นผู้ให้สิเมโอน ชายชราผู้รอคอยการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ได้สมหวัง และประกาศก้องว่าต่อไปนี้ได้ตายอย่างมีความสุขแล้ว เพราะนัยตาได้เห็น และสองมือได้อุ้มพระกุมารผู้ซึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว(ลก.2.27-33)  รวมทั้งยายแก่อย่างฮันนา ได้สรรเสริญพระเจ้าและเล่าขานเรื่องราวของพระองค์แก่คนอื่นได้ฟังด้วย      พระเยซู ยังทรงเป็นความหวังกำลังใจสำหรับผู้คนตลอดเวลา เมื่อทรงเจริญวัยในอายุ 12 พรรษา ก็ได้รับคำยืนยันว่าเป็นผู้สมบูรณ์พร้อมทั้งฝ่ายร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และจิตวิญญาณ เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนและเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าจากเบื้องบนสวรรค์ ตามที่นายแพทย์ลูกาบันทึกไว้ว่า  "พระเยซูก็ได้จำเริญขึ้นในด้านสติปัญญา   ในด้านร่างกาย   และเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้า   และต่อหน้าคนทั้งปวงด้วย" (ลก.2.52)
          เด็กคนนี้ที่ชื่อว่า "เยซู"  ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมวลมนุษยชาติ  ตามคำสัญญาของพระเจ้า  กล่าวคือ  ทุกอย่างที่พระเจ้าสัญญาไว้ได้สำเร็จทั้งหมดในชีวิตของพระเยซู  ทั่วโลกต่างแซ่ซ้อง สรรเสริญ พระนามของพระเยซู  โดยเฉพาะทุกปีช่วงเทศกาลคริสตมาสมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ถึงการมาประสูติของพระองค์ แม้ว่าหลายคนอาจไม่เข้าใจความหมาย ไม่รู้จักเป็นส่วนตัว แต่ยังเข้ามามีส่วนในการฉลองวันเกิดของพระเยซู เพราะอิทธิพลและพระบารมีของพระเยซูนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไปทั่วโลกนั่นเอง  การเกิดของพระองค์ทำให้ประวัติศาสตร์ของโลกถูกแยกออกเป็นสองส่วน คือ ก่อนคริสตศักราชและคริสตศักราช  เพราะ ค.ศ. ที่ 1 ถูกตั้งขึ้นตามการประสูติของพระเยซู นั่นเอง !
          พระเจ้าทรงกระทำหลายอย่างที่เหนือความคาดคิดของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้ตระหนักและยอมรับว่า  ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากความผิดบาปได้  มนุษย์ต้องการการช่วยให้รอดจากพระเจ้า  ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องถ่อมตัว ถ่อมใจลงยอมรับความจริงของพระเจ้าเสียก่อน จึงจะได้รับความรอดจากพระองค์  ตราบใดที่ยังคิดว่าตนเองเก่ง เด่น ดัง แสดงว่ายังไม่พบและไม่ยอมรับความจริง ที่ว่า มนุษย์มีความจำกัด อ่อนแอ และต้องการความช่วยเหลือ  เพราะทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ย่อมต้องการความช่วยเหลือทั้งนั้น  เมื่อยอมรับความช่วยเหลือแล้ว เราก็พร้อมจะเป็นผู้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างมีคุณภาพต่อไปได้
          พระเยซู ผู้ทรงลงมาเป็นมนุษย์ ในฐานะ "เด็ก" คนหนึ่ง ที่เกิดมาเพื่อคุณและผม  พระองค์ประสงค์ที่จะครอบครองในชีวิตคุณ ทรงต้องการแบกภาระ ความผิดบาปจากชีวิตคุณ ต้องการเป็นที่ปรึกษาในชีวิต เป็นผู้นำทาง เป็นผู้ปกป้อง และผู้ประทานสันติสุขให้แก่คุณ  หากคุณมองว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหล เป็นไปไม่ได้ แต่จากประวัติศาสตร์ และชีวิตของพระเยซูได้แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดจริงๆ  และทรงเป็น เด็กคนหนึ่ง คนนั้นที่เกิดมาเพื่อเรา ตามพระสัญญาของพระเจ้าแล้ว 

          คุณยอมรับความจริงนี้หรือไม่ ?