04 ธันวาคม 2552

วันถวายขอบพระคุณคริสตจักรป่าคาสันติสุข

วันถวายขอบพระคุณคริสตจักรป่าคาสันติสุข

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2009 ผมได้รับเชิญไปเทศนาในงานวันขอบคุณพระเจ้า(Thanksgiving day)ที่คริสตจักรป่าคาสันติสุข ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ร่วมกับคริสตจักรเชลเอม จ.เชียงใหม่ กลุ่มคริสตจักรชาวลาหู่ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อนำผลผลิตจากไร่ สวนมาถวายแด่พระเจ้า มีพี่น้องจากคริสตจักรใกล้เคียงมาร่วมประมาณ 100 กว่าคน แม้จะเริ่มรายการช่วง 10 โมง ถึงเที่ยง แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยความเหน็บหนาว เพราะพื้นที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร ทำให้รถปิคอัพคู่ใจคันเก่าของผมบึ่งขึ้นไปอย่างเชื่องช้าประมาณ 30 ก.ม./ช.ม. เพราะทางสูงชัน คดเคี้ยวจึงใช้เพียงเกียร์ 2-3 เท่านั้น

ด้วยพื้นที่สูงและอากาศเย็นจึงเหมาะสำหรับการปลูกกาแฟ มะคาเดเมียนัท เป็นอย่างมาก จากการสังเกตพี่น้องลาหู่ที่อาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 30 ปีเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพมากขึ้นจากชาวสวนกาแฟธรรมดา ๆ ก็มีรถปิคอัพจอดใต้ถุนบ้าน แสดงถึงความขยันอดทนในการบุกเบิกงานมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อมและพื้นที่ป่าไว้ได้ เพราะโดยธรรมชาติต้นกาแฟเป็นพืชระยะยาวปลูกครั้งเดียวอยู่ได้นับสิบ ๆ ปีชอบขึ้นอยู่ตามใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีแสงรำไรเล็กน้อยเท่านั้น พี่น้องจึงไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ทำลายป่าด้วยการเผาเหมือนกับการปลูกพืชล้มลุกชนิดอื่น



ด้วยเหตุนี้กลุ่มคริสตจักรลาหู่แบ๊บติสต์ ที่นำโดย อ.ปฏิพัทธ์ พัฒนากายา จึงมีโครงการสนับสนุนคริสตจักรและพี่น้องในชุมชนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเริ่มปลูกกาแฟเพื่อเป็นแหล่งอาชีพที่ยั่งยืน เบื้องต้นได้สนับสนุนกล้ากาแฟพันธุ์ดีจากที่นี่ไปให้พี่น้องที่แม่ฮ่องสอนนับหมื่นต้น นับเป็นหนึ่งในโครงการทำความดีที่สหคริสตจักรแบ๊บติสต์ในประเทศไทยกำลังรณรงค์ให้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้

สิ่งที่ผมประทับใจจากการไปร่วมงานครั้งนี้คือการต้อนรับด้วยอาหารพื้นเมือง โดยแต่ละครอบครัวต่างเตรียมอาหารมากันเองและเผื่อแผ่คนอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นแม้จะมีคนนับร้อยแต่อาหารก็ไม่ขาด แถมยังเหลือแบ่งปันให้คนที่มีน้อยนำกลับบ้านอีกด้วย


และอีกอย่างคือประทับใจภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลอุปกรณ์ ผมสังเกตเห็นคนหนึ่งกำลังนำดินเหนียวมาพอกหม้อใบใหญ่ ด้วยความแปลกใจจึงถามว่าเอาดินเหนียวมาพอกหม้อทำไม ได้รับคำตอบว่า เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อดำ เพราะต้องนำไปตั้งเตาไฟที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง



บัณฑิต ดาแว่น
รายงาน