คิดอย่างบัณฑิต
ยิ่งถูกยิ่งต้องถ่อม
: More right...More humble. โดย บัณฑิต ดาแว่น
หยิบ Tablet ขึ้นมาเขียนต้นฉบับบทความนี้ขณะนั่งรอเครื่องกลับไทยที่สนามบิน Miami
Florida, USA.
หลังทบทวนหลายเรื่องราวที่มีโอกาสพบปะและสนทนากับบรรดาพี่น้องในพระคริสต์ตลอดเดือนเศษๆที่มารับใช้ในพันธกิจแห่งการสอนพระวจนะของพระเจ้า มีหลากหลายประเด็นที่ยังอยู่ในห้วงคิดคำนึง แต่ขอเริ่มจากเรื่องที่คุกรุ่นมาในใจตอนนี้ก่อน...
พระเยซูสอนเรื่องทัศนคติต่อความโกรธที่ชักนำไปสู่การฆาตกรรม ทั้งฆ่าด้วยการกระทำและความคิด ซึ่งนำความผิดและการลงโทษมาสู่ผู้กระทำได้ จะทำอย่างไรจึงจะตัดไฟแต่ต้นลม ขอเสนอหลักการจากคำสอนของพระเยซู
"เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้วและระลึกขึ้นได้ว่าพี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่านจงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชากลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อนแล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน..." (Matt 5:23-24 )
ความโกรธ ความเกลียด ความอาฆาตแค้น เป็นเหตุให้มีการฆ่าฟันรันแทง
และการกระทำอันรุนแรงเกิดขึ้น
หลายครั้งมักเกิดเมื่อมีคู่กรณี มีปัญหาคาใจ
และใช้วิธีการแก้ปัญหาไม่ถูกทาง
ยิ่งในระหว่างทางนั้นมีการสาดสีตีข่าว
และป่าวร้องตะเบ็งเสียงใส่กันและกันด้วยอารมณ์ดุดัน หุนหันพลันแล่น
ยิ่งทำให้ยั่วโมโหเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
คำพูด คำด่าทอ คำสาปแช่งก็จะหลุดออกมาอย่างพายุกระสุน แทบไม่ติดขัดหรือซ้ำถ้อยคำเลยทีเดียว
อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตและสังคมของมนุษยชาติไปแล้ว ! ขับรถปาดหน้ากัน เปิดไฟใส่หน้าคู่กรณี
มีโอกาสกลายเป็นฆาตกรได้ง่ายๆ คู่สามีภรรยาตะบันหน้าเข้าหากันด้วยความรุนแรง
ทั้งที่มีเหตุเพียงน้อยนิด แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมแบบยกครัว เรื่องเหล่านี้มีให้เห็นเป็นอาจิณ
จนเกือบเป็นความชินชาของชีวิตและสังคม
เมื่อมีปัญหาและต้องเผชิญหน้ากับคู่กรณี หาทางออกอย่างไรดี มีข้อคิดมาฝากกันตรงนี้
หนึ่ง หันหน้าเข้าหาพระเจ้า นำเครื่องบูชามาหาพระองค์ โดยการใช้เวลากับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอด้วยการอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์
มีความร่วมมือกับพี่น้องผู้เชื่ออย่างต่อเนื่อง
ช่วยหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว และในสังคมไปได้มากเพราะการหันหน้าเข้าพระเจ้าทำให้คุณไม่อาจเทียบกับใครแต่หัวใจมอบไว้แด่พระองค์ได้มากขึ้น
จึงจดจ่ออยู่ที่พระทัยพระเจ้ามากกว่าความสะใจของมนุษย์
สอง สำรวจชีวิต
คิดหาทางแก้ไข ด้วยการคิดใคร่ครวญ
ทบทวนชีวิตว่ามีอะไรที่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน
หรือเป็นเหตุทำให้คนข้างๆต้องงอนค้อนและนอนหันหลังให้ในยามค่ำคืนหรือไม่ คิดถึงทั้งคนที่อยู่ใกล้และไกล มีใครที่ต้องรับผลกระทบจากคำพูด
การกระทำ จากการใจจืดใจดำของตนหรือไม่
ทำให้เพื่อนมนุษย์ต้องเจ็บปวดทุกข์ใจ
และทำให้พระบิดาในสวรรค์ต้องเสียพระทัยหรือไม่
โปรดใส่ใจทบทวน
เพื่อไม่ให้มันมารบกวนจิตใจและขวางกั้นในการเข้าเฝ้าพระเจ้าได้อีก
สาม ไม่สำคัญว่าใครเป็นฝ่ายผิด แต่คนที่คิดแก้ไขนั้นน่ายกย่อง
เมื่อระลึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ค้างคาใจกับใครบางคน แม้ตนจะเป็นฝ่ายถูกกลับยิ่งต้องถ่อมลงเพื่อหาข้อตกลงและนำการคืนดีที่มีสันติภาพเกิดขึ้นให้ได้ "การเป็นฝ่ายไปขอการคืนดีมิใช่เป็นคนอ่อนแอ
แต่เป็นคนฉลาดและเป็นการแสดงความมีวุฒิภาวะของผู้ใหญ่ที่น่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง" ยิ่งเป็นฝ่ายถูกยิ่งต้องระวัง
เพราะคุณอาจไม่ยอมฟังใคร แล้วสุดท้ายกลายเป็นเรื่องใหญ่ตามมาได้
สี่ ให้หาทางกลับไปคืนดีก่อน จึงค่อยกลับคืนมาหาเครื่องบูชาที่วางไว้
เพราะพระเจ้าใส่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้าง กับคนร่วมทาง
และระหว่างเพื่อนมนุษย์
พยายามอย่าขุดคุ้นความผิด แต่พยายามคิดหาทางคืนดีให้ได้ อย่าให้เวลาผ่านเลย อย่าให้มารหรือใครมาใช้โอกาสเสี้ยมให้เขวไปจากความเป็นจริง
พยายามทิ้งความโกรธ เกลียด เคียดแค้น และย้ายมาสู่แดนแห่งความรักให้ได้
ห้า กลับมาหาพระเจ้าและเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องบูชาที่บริสุทธิ์
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์นั้นขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ผุดผ่องของชีวิตและจิตใจของแต่ละคน
ดังนั้นให้หันกลับมาหาพระเจ้าหลังจากการคืนดีกับพี่น้องผองเพื่อน อย่าให้ความขุ่นข้องหมองใจกลายเป็นกำแพงระหว่างคุณกับพระเจ้าอีกต่อไป
เพราะพระเจ้าสามารถให้กำลังในการทำสิ่งดีต่อไปได้
เมื่อมีเหตุขัดเคืองกับใคร
เป็นไปได้ความผิดอยู่กับทุกฝ่าย
แต่หากใครเป็นฝ่ายทำให้เกิดการคืนดี ย่อมมีพรจากพระเจ้าอย่างแน่นอน
ใครทำได้ก่อนย่อมเป็นฝ่ายชนะและแสดงความเป็นผู้นำที่เหนือกว่า
ซึ่งหมายถึงการยอมถ่อมลง แม้เป็นฝ่ายถูก เรียกว่า “ยิ่งถูก ยิ่งต้องถ่อม และยอมหาทางคืนดี” นี่แหละคือผู้ชนะและผู้ยิ่งใหญ่ที่น่านับถืออย่างแท้จริง
ทิ้งความผิดความถูกสักครู่แล้วลองพิจารณาดูทั้งห้าข้อที่เสนอมา เชื่อว่าจะช่วยได้มากทีเดียว
"เพราะว่าถ้าท่านยกความผิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงโปรดยกความผิดของท่านด้วย" (Matt 6:14)
ขอแสดงความยินดีและความนับถือมา ณ ที่นี่ ด้วยนะครับ !
(ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต)