คิดอย่างบัณฑิต...ข้อคิดจากอิสราเอล
ก้อนหินของดาวิด (David's stone)
โดย
บัณฑิต ดาแว่น
นี่คือก้อนหินที่ผมเก็บไว้เป็นที่ระลึกจากการไปค่ายตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล
เมื่อวันที่ 4-10 พฤษภาคม 2019
ร่วมกับผู้นำคริสตจักรแบ๊บติสต์ไทยร้อยกว่าคน ผมเขียนบนก้อนหินนี้ว่า "ก้อนหินของดาวิด"
(David's stone) ซึ่งปรากฏเรื่องราวในพระธรรม 1 ซามูเอล
บทที่ 17...
ครั้งนั้นชาวฟีลิสเตียรวมพลมาสู้รบ
และชุมนุมกันที่โสโคห์ในยูดาห์ พวกเขาตั้งค่ายพักที่เอเฟสดัมมิม ซึ่งอยู่ระหว่างโสโคห์กับอาเซคาห์ ซาอูลและชนอิสราเอลมารวมพล
และตั้งค่ายพักอยู่ที่หุบเขาเอลาห์ ตั้งแนวรบประจันหน้ากับฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียยึดเนินเขาด้านหนึ่ง อิสราเอลยึดเนินเขาอีกด้าน
มีหุบเขาอยู่คั่นกลาง ยอดนักรบชื่อโกลิอัท จากเมืองกัท ออกมาจากค่ายฟิลิสเตีย สูงราว 3 เมตร เขาสวมหมวกเกราะทองสัมฤทธิ์ เสื้อเกราะหนักประมาณ 5,000 เชเคล ใส่สนับแข้งทองสัมฤทธิ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์คล้องอยู่ที่บ่า ด้ามหอกนั้นเหมือนไม้กระพั่นทอผ้า ปลายหอกทำด้วยเหล็กหนัก 600 เชเคล มีคนถืออาวุธแบกโล่เดินนำหน้า
โกลิอัทยืนร้องท้าแนวทหารอิสราเอลว่า "จะมาตั้งแถวสู้รบกันทำไม ข้าก็เป็นฟีลิสเตีย
ส่วนพวกเจ้าก็เป็นบริวารซาอูลไม่ใช่หรือ ก็เลือกคนหนึ่งลงมาสู้กับข้าสิ ถ้าคนของเจ้าฆ่าข้าได้ พวกข้าจะยอมแพ้พวกเจ้า แต่ถ้าข้าชนะฆ่าเขาได้
พวกเจ้าต้องยอมแพ้เป็นทาสรับใช้พวกข้า" ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า
"วันนี้ข้าขอท้ากองทัพอิสราเอล ส่งคนมาสู้กับข้าสิ" เมื่อซาอูลและกองทัพอิสราเอลได้ยินเช่นนี้ ก็พากันหวาดผวาและท้อแท้ใจ... (1ซมอ.17.1-11)
ในขณะที่กษัตริย์และแม่ทัพนายกองต่างหวาดกลัวและท้อแท้สิ้นหวัง
หาทางเอาชนะเจ้ายักษ์ใหญ่ไม่ได้นั้น "ดาวิด"
ที่เป็นเพียงเด็กหนุ่ม
ผู้ทำหน้าที่ดูแลฝูงแกะของบิดา ได้นำอาหารมาฝากบรรดาพี่ชายในสนามรบ แต่เมื่อเขาพบกับความท้าทาย
และการดูหมิ่นพระนามพระเจ้าจากศัตรูผู้โอหัง
เขาไม่คิดกังวล หรือหวาดกลัว แต่กลับเกิดความเชื่อและฮึกเหิม
เพราะเคยมีประสบการณ์ในพระนามพระเจ้าด้วยการสู้กับหมีและสิงโตเพื่อป้องกันฝูงแกะของตนมาแล้ว นับประสาอะไรกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าคนนี้
เขาไม่ได้มีอะไรที่ดีกว่าพระเจ้าที่ดาวิดเชื่อเลยแม้แต่น้อย...พี่ชายไม่เชื่อ
กษัตริย์ยังไม่ไว้ใจ คนต่างมองข้ามคนอย่างดาวิดไปเสียหมด
เพราะเปรียบเทียบกับศัตรูแล้ว กระดูกคนละเบอร์ คู่ชกคนละชั้น
ไม่มีทางสู้ได้เลย แต่โดยความเชื่อและความกล้าหาญของดาวิด เขาประกาศชัดว่า...
"ท่านถือดาบ ถือหอกและหอกซัดมาสู้กับเรา ส่วนเราจะสู้กับท่านด้วยพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงฤทธิ์แห่งกองทัพอิสราเอลซึ่งท่านลบหลู่ วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้า
จะทรงมอบท่านแก่เรา เราจะฆ่าและตัดหัวท่าน เอาซากร่างของพวกคนฟีลิสเตียให้นก และสัตว์ป่ากิน
โลกทั้งโลกจะได้รู้ว่า อิสราเอลมีพระเจ้า คนทั้งปวงที่ชุมนุมกันอยู่ในที่นี้จะได้รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยมิใช่ด้วยดาบหรือหอก
การศึกครั้งนี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะมอบท่านไว้ในมือของพวกเรา" (1ซมอ.17-45-47)
ดาวิด ชนะยักษ์ใหญ่
และกองทัพใหญ่ ได้ด้วยก้อนหินธรรมดา ในพระนามพระเจ้าที่เขาเชื่อ...
ขณะที่โกลิอัทเดินเข้ามาใกล้ดาวิด ก็วิ่งเข้าไปประจันหน้า เอามือล้วงลงไปในย่าม หยิบก้อนหินออกมาคล้องเข้ากับสลิง แล้วเหวี่ยงก้อนหินอัดเข้าหน้าผากโกลิอัท ก้อนหินฝังจมเข้าไป โกลิอัทล้มคว่ำหน้าลงกับพื้น
เป็นอันว่า ดาวิดพิชิตฟีลิสเตียคนนั้นด้วยสลิง และก้อนหิน แม้ไม่มีดาบ แต่ก็ล้มเขาได้ และฆ่าเขาเสีย
ดาวิดวิ่งขึ้นไปยืนบนร่างเขา ดึงดาบของโกลิอัทออกจากฝัก และฆ่าเขา แล้วก็ตัดศีรษะออกมา เมื่อชาวฟีลิสเตียเห็นวีรบุรุษของตนตายเสียแล้ว ก็หันหลังวิ่งหนีไป คนอิสราเอลและยูดาห์จึงโห่ร้องมีชัย รุกไล่ฟีลิสเตียไปไกลถึงทางเข้าเมืองกัท และประตูเมืองเอโครน ศพชาวฟีลิสเตียเกลื่อนกลาด ตลอดเส้นทางชาอาราอิมที่จะไปยังกัทและเอโครน...(1ซมอ.17.48-53)
จากก้อนหินธรรมดา
ที่มีอยู่เรียงรายตามลำธาร และทั่วไปในแถบอิสราเอล หลายคนอาจมองข้าม อาจเหยียบย้ำ
อาจไม่สนใจ กลายมาเป็นก้อนหินแห่งชัยชนะเมื่อมาอยู่ในมือของดาวิดผู้มีความเชื่อและกล้าหาญในพระนามพระเจ้า
คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ก้อนหิน
แต่อยู่ที่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์และทรงฤทธิ์อำนาจ ที่ดาวิดเชื่อและมีประสบการณ์ด้วยตนเองเสมอมา การรู้จักใช้สิ่งที่ตนเองมี
และสิ่งที่มีอยู่รอบข้างอย่างเป็นประโยชน์
ก้อนหินหากนำไปใช้ในการขว้างปาใส่ผู้คน
ที่ถูกตราหน้าว่าผิดบาปก็ได้แค่เพียงความสะใจที่ได้ประหารคนนั้นให้ตาย แต่หากนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็มีคุณอนันต์
ดังที่พบเห็นคนอิสราเอลนำมาสร้างเป็นกำแพง บ้านเมือง สิ่งก่อสร้างที่ยังคงทนอยู่จนทุกวันนี้อย่างตระการตา
ที่สำคัญหากสิ่งนั้นอยู่ในหัตถ์และในนามพระเจ้า
ย่อมทำให้เกิดผลดีมีประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง
เช่นเดียวกับชีวิตคุณและผมที่อาจถูกมองข้าม หรือถูกละเลย หาว่าเล็กน้อย
ด้อยคุณค่าราคา แต่หากได้มาอยู่ในหัตถ์และในทางของพระเจ้า
ก็สามารถกลายเป็นชีวิตที่มีค่าอย่างน่ามหัศจรรย์
สามารถสร้างสรรค์คุณประโยชน์อย่างมากมายได้เช่นกัน
ดาวิด จากเด็กหนุ่มเลี้ยงแกะ
ต่อมากลายมาเป็น กษัตริย์ดาวิด ผู้ยิ่งใหญ่ที่ใครต่อใครยังตั้งชื่อตามท่านไปทั่วโลก
จากวันนั้นถึงวันนี้ นับสามพันกว่าปีมาแล้ว
ชื่อของท่านยังมิจางหายไปจากใจและจากโลกนี้เลยตราบนิรันดร์
ขอให้ก้อนหินก้อนนั้น
คือชีวิตของคุณอยู่ในหัตถ์และในทางของพระเจ้า
ยอมให้พระองค์ปั้นแต่งและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไปนะครับ...อาเมน !!