คิดอย่างบัณฑิต
ข้อคิดจากอิสราเอล
Stone Storytelling: ก้อนหินเล่าเรื่อง (3)
โดย บัณฑิต ดาแว่น
ก้อนหินแห่งการประหาร
จากการสังเกตในการเดินตามรอยพระคัมภีร์ที่อิสราเอล
พบว่าไปที่ไหนก็เห็นแต่ก้อนหิน
สามารถหยิบฉวยขึ้นมาใช้ มาทำอะไรได้ทุกช่วงเวลา ทุกพื้นที่ ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นว่า
นี่น่าจะเป็นต้นเหตุทำให้แนวทางการลงโทษขั้นสูงสุดของชนชาติอิสราเอลคือ
การขว้างด้วยก้อนหินให้ตาย
พระเยซูคริสต์เผชิญกับสถานการณ์ที่เกือบจะถูกหินขว้างให้ตายอยู่หลายครั้งจากการถูกล่าวหาว่าพระองค์หมิ่นประมาทพระเจ้าด้วยการสอนและอ้างตัวว่าตนเองเป็น
พระคริสต์ (พระเมสสิยาห์ หรือ ผู้ถูกแต่งตั้งเพื่อช่วยให้ชนชาติอิสราเอลรอดพ้นจากศัตรู
และต่อมาเราเข้าใจอย่างสมบูรณ์ว่า พระเยซูคริสต์เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นจากบาป
ความตายและมารร้ายที่เป็นศัตรูของมวลมนุษย์)
พระเยซูช่วยให้หญิงคนหนึ่งรอดพ้นจากการถูกหินขว้างตามกฎของบัญญัติ
(ยอห์น 8.1-11) แม้เธอจะทำผิดจริงและถูกจับได้คาหนังคาเขา
แต่เหตุจูงใจของผู้นำศาสนาเวลานั้นพวกเขาหวังจะจับผิดพระเยซูพร้อมทั้งลงโทษผู้หญิงคนนั้นไปควบคู่กัน
จึงใช้เหตุการณ์นี้มาเป็นอุบายให้พระเยซูหมดทางหนี ผิดทุกคำตอบ ไม่ชอบทุกประเด็น หากจะตอบว่าควรประหารให้ตายก็แสดงถึงความใจร้ายของพระองค์
ไม่เหมือนที่สอนมาตลอดว่าทรงรักมวลมนุษย์ แต่ถ้าตอบว่าไม่ให้ลงโทษ
คนก็จะโกรธที่พระองค์ไม่ทำตามกฎหมายไร้ความเป็นธรรม พวกเขาได้ทีถามซ้ำ ๆ
หวังจะขย้ำพระเยซูให้จมดินไปด้วย (อ่านรายละเอียดในยอห์น 8.1-11)
เขาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า หญิงคนนี้ถูกจับเมื่อกำลังล่วงประเวณีอยู่ ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนเช่นนี้ให้ตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้”
เขาพูดอย่างนี้ เพื่อทดลองพระองค์หวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์ แต่พระเยซูทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดิน - John 8:4-6
แต่ด้วยพระสติปัญญาปรีชาชาญ
พระเยซูไม่ตอบโดยตรง ทรงใช้นิ้วเขียนที่ดิน ...
และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นตรัสตอบเขาว่า “ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน”- John 8:7
ว่าแล้วทรงก้มลงเขียนที่ดินต่อไปอีก ผลปรากฏว่าคนที่หวังจะคว้าก้อนหินมาขว้างทั้งผู้หญิงคนนั้น และพระเยซูให้ตายตามไปอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับทยอยถอยหนีออกไปทีละคนสองคนจนเหลือแต่พระเยซูและผู้หญิงคนนั้น พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า คนที่ถอยออกไปก่อนคือคนเฒ่าคนแก่
น่าคิดนะครับว่า ทำไมคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นถึงต้องถอยไปก่อนใคร หากจะลองคิดดูจะพบว่า คนที่มีประสบการณ์ชีวิตมายาวนานย่อมรู้ดีแก่ใจว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ และทำอะไรมาก่อนหน้านั้นบ้าง ยิ่งได้ยินคำถามจากพระเยซูว่า “ใครที่ไม่มีผิด ไม่มีบาป ไม่เคยพลาดพลั้ง ให้ลงมือขว้างหินให้หญิงคนนี้ตายก่อนเลย”
การถอยออกไปเป็นสัญญาณบงชี้ว่า
ไม่มีใครเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงพอที่จะหยิบก้อนหินขว้างคนอื่นได้เลย ตรงตามความจริงที่พระคัมภีร์กล่าวว่า …ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย
…เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นคนชอบธรรมโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติได้
เพราะว่าธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาปได้
… เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
- Romans 3:10, 20, 23
ก้อนหินแห่งการประหาร
ไม่สามารถกำจัดความบาปชั่วให้หมดสิ้นไปได้
แต่หัวใจแห่งความรักและของประทานอันประเสริฐจากพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์นั้นสามารถช่วยเราให้รอดพ้นจากโทษทัณฑ์ของบาปและความตายได้
เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา- Romans 6:23
ลองคิดสักนิดว่าคุณกำลังใช้ก้อนหินในการประหัตประหารคนให้ตาย
หรือเพื่อช่วยคนให้รอด ?
การที่คุณคิดว่าใครเลวทรามชั่วช้านั้นใช้มาตรฐานอะไรเป็นตัวชี้วัด
?
หากคุณคิดว่าดี เด่น ดังกว่าใคร
แต่แท้จริงภายในชีวิตชอบธรรมที่จะตัดสินเขาหรือไม่ ?
ให้ก้อนหินแห่งการประหาร ที่พระเยซูสอนครั้งนี้เป็นตัวชี้วัดนะครับว่า “ใครที่ไม่มีผิด ไม่มีบาป ไม่เคยพลาดพลั้ง ให้ลงมือขว้างหินให้คนนี้ตายก่อนเลย”
คุณจะถอยออกไปด้วยใจยอมรับความจริงหรือไม่ ?
ติดตามก้อนหินเล่าเรื่องต่อไป...
(ภาพประกอบถ่ายเมื่อ
2019 คือ บริเวณ Dorm of the Rock
ที่เชื่อว่าเป็นบริเวณพระวิหารโบราณของอิสราเอล
และเป็นที่เหตุการณ์ที่ก้อนหินแห่งการประหารได้เล่าเรื่องในครั้งนี้ด้วย)