คิดอย่างบัณฑิต
โหราจารย์...
มองดูดาว ก้าวไปหาพระเยซู
The wise
men...Seek the star walk to Jesus.
โดย บัณฑิต
ดาแว่น
พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด
ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น
เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน” ... Matthew 2:1-18
เรื่องราวของบรรดาโหราจารย์เดินตามดวงดาว จากทิศตะวันออกจนกระทั่งได้พบกับพระกุมารเยซูที่หมู่บ้านเบธเลเฮม
แผ่นดินยูเดีย พวกเขาได้ถวายของขวัญพิเศษ
ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอบ ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมายถึงสิ่งที่พระเยซูเป็นและกระทำ คือ ความเป็นกษัตริย์ เป็นพระเจ้า และเป็นผู้ที่จะตายไถ่บาปมวลมนุษย์
โหราจารย์ หรือ เรียกอีกอย่างว่า นักปราชญ์ นักปรัชญา เป็นผู้มีการศึกษา มีสติปัญญา
และเสาะแสวงหาความจริงโดยการศึกษาดวงดาว อาจเปรียบได้กับ นักดาราศาสตร์
ที่มีการค้นคว้าและเก็บข้อมูลมาเป็นเวลานาน จากรุ่นสู่รุ่น
มัทธิวลูกศิษย์ของพระเยซูบันทึกเรื่องนี้ไว้เป็นพิเศษว่าพวกโหราจารย์มาจากทางทิศตะวันออก หมายถึงตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม
แผ่นดินยูเดีย (ประเทศอิสราเอล) อาจกล่าวได้ว่ามาทาง อาณาจักรเปอร์เซีย (อิหร่าน)
อินเดีย และอาจยาวมาถึงอาณาจักรสยาม (ไทย) พุกาม (พม่า) ขอม(เขมร)
และจีนด้วยก็เป็นได้
เพราะอาณาจักรเหล่านี้ล้วนมีความเชื่อและการศึกษาดวงดาวเช่นกัน เพียงแต่ว่า
จะใช้เป็นศาสตร์แห่งดวงชะตาราศรีแบบหมอดู หรือว่า แบบนักปรัชญา
ที่ต่อยอดมาเป็นนักวิทยาศาสตร์
นักวิชาการพระคัมภีร์ เชื่อว่า โหราจารย์ ที่เดินตามดวงดาวไปหาพระเยซูนั้น
เป็น นักปรัชญา นักดาราศาสตร์ ที่มีความรู้ ความสามารถ และอาจจะเป็นชนชั้นระดับสูง
จากเรื่องราวของดาเนียลและเพื่อนๆ ผู้เป็นเด็กหนุ่มจากแผ่นดินยูเดียที่ถูกจับไปเป็นเชลยในกรุงบาบิโลน ประมาณ 600 ปีก่อนคริสตศักราช พวกเขาได้รับการศึกษาตามระบบของบาบิโลนและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดาเนียล เป็นผู้เชื่อพระเจ้าพระเยโฮวาห์
ผู้ทรงพระชนม์อยู่องค์เดียวอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ
แม้จะถูกจับและบังคับให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามสังคมใหม่
แต่เขายังยืนหยัดเชื่อฟังพระเจ้า จนกระทั่งได้เป็นผู้นำระดับสูงของบาบิโลนซึ่งต่อมากลายมาเป็นอาณาจักรเปอร์เซีย
ดาเนียลเป็นหัวหน้าพวกนักปราชญ์ที่คอยให้คำปรึกษาพระราชาต่อเนื่องหลายสมัย โดยใช้สติปัญญาและความเข้าใจที่มาจากพระเจ้า
โหราจารย์ น่าจะมีจำนวนหลายคน
เพราะตามปกติการเดินทางย่อมไปเป็นหมู่คณะมีลูกหาบและสัมภาระพอสมควร การเดินทางเริ่มจากที่เห็นดาวประหลาดปรากฎและพวกเขาน่าจะพบพระกุมารเยซูตอนที่อายุประมาณสองขวบ เทียบกับเหตุการณ์ที่กษัตริย์เฮโรดสั่งประหารเด็กผู้ชายในหมู่บ้านเบธเลเฮมและที่ใกล้เคียงทั้งสิ้น ตั้งแต่สองขวบลงมา
เพราะโกรธจัดที่โหราจารย์ไม่ยอมแจ้งข่าวหลังพบพระกุมารเยซูแล้ว (มธ.2.16-19)
โหราจารย์กับดวงดาว การมอบของขวัญอันล้ำค่าแด่พระกุมารเยซู ยังจะเป็นภาพประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติคู่กับเทศกาลคริสตมาสไปตลอดกาล
บทเรียนจากโหราจารย์ สอนให้เห็นความจริงว่า หากเราจดจ้องและศึกษาสิ่งใดอย่างถ่องแท้
และเข้าให้ถึงความจริงของสิ่งนั้น จะได้พบความจริงอันล้ำค่า และพร้อมจะยอมมอบทุกสิ่งที่ล้ำค่าที่มีอยู่
ให้กับองค์พระเยซูผู้สมควรได้รับสิ่งนั้น
เพราะพระองค์เลอค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
ตลอดชีวิต โหราจารย์จดจ่ออยู่กับการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับดวงดาว ไม่เพียงแค่ศึกษาเรื่องดวงดาวที่เป็นวัตถุธาตุว่าคือ
“อะไร” แต่กำลังค้นหาว่า “ใคร” ที่อยู่เบื้องหลังการมาปรากฏของดวงดาวนั้น
ในที่สุดพวกเขาได้พบเหตุผลว่า “ทำไม” สิ่งที่ลงมือลงแรงตลอดชีวิตนั้นจึงมี “คุณค่า”
เมื่อได้พบ “พระเยซู” และมอบของขวัญอันลำค่าแด่พระองค์
เมื่อคุณมองดูดวงดาว มองดูสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่อย่างอัศจรรย์
คุณมองเห็นอะไร และ มองเห็น ใคร ที่อยู่เบื้องหลังนั้นหรือไม่ ?
พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา ทุกสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็นล้วนมาจากพระองค์ ทรงเปิดทางให้เราได้พบกับพระองค์ผ่านทาง พระเยซูคริสต์
เพื่อเราจะเข้าใจความหมายในชีวิตอย่างมีคุณค่า
อย่ามัวแต่มองสิ่งที่จะเสื่อมสลายไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและคิดฟุ้งซ่านไปด้านอื่น
ๆ อีกเลย
แต่จง “มอง” ให้เห็น “องค์พระเยซูเจ้า” และก้าวไปเข้าเฝ้าพระองค์พร้อมมอบของขวัญที่ล้ำค่าคือ
“ชีวิต” ของคุณที่มีอยู่ ให้พระองค์เถิด
มองดูดาว และมองที่ใจของตัวเองแล้วตอบอย่างจริงใจว่า “มองเห็น...พระเยซู” หรือยัง
!