ชีวิตกลับด้าน... Convert Life.
โดย บัณฑิต
ดาแว่น
การเดินทางข้ามน้ำมหาสมุทรจากไทยไปสู่อเมริกาในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยพระคุณและแผนการของพระเจ้าทั้งสิ้น
เพราะผมเองไม่คาดคิดว่าปีนี้จะมีโอกาสเดินทางไกลอีก เพราะเพิ่งกลับจากการไปค่ายตามรอยพระคัมภีร์ร่วมกับผู้นำแบ๊บติสต์
ที่ประเทศอิสราเอลมาไม่ถึงสัปดาห์
พระเจ้าก็จัดเตรียมการเดินทางมารับใช้ที่รัฐฟลอริด้าในอเมริกาทันที โดยการจองและซื้อตั๋วเครื่องบินเกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน
ครั้งนี้เดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines ของประเทศตุรกี จากสุวรรณภูมิถึงเมืองอิสตันบู(Istanbul)ใช้เวลาประมาณสิบเอ็ดชั่วโมง จากนั้นบินตรงไปยังเมืองไมอามี่ (Miami, Florida) รัฐฟลอริด้า อเมริกาอีกสิบสองชั่วโมง
ข้ามเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืนแบบกลับด้านของชีวิตอย่างสิ้นเชิง
หากดูเวลาที่ไทยคือเจ็ดโมงเช้า
ก็จะเท่ากับที่อเมริกาเจ็ดโมงเย็น หรือหนึ่งทุ่ม
ซึ่งเป็นเวลากลางคืนที่ตามหลังไทยนั่นเอง
จากการตรงข้ามของเวลาแบบนี้ทำให้ร่างกายต้องปรับเปลี่ยนและฝืนสู้กันอยู่ประมาณสองสามวัน
โดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณบ่ายสองบ่ายสามของอเมริกา
เป็นเวลาที่ร่างกายควรจะนอนอย่างหลับสนิทที่ไทย สภาพแวดล้อมที่เห็นเป็นกลางวัน
แต่ความรู้สึกข้างในนั้นดูเหมือนหลับไปครึ่งหนึ่งแล้ว หัวสมองจะรู้สึกมึนงง ความจำสับสนบางครั้ง
หากเผลอนั่งอาจหลับในทันใด อาการเช่นนี้ที่เขาเรียกว่า Jet-lag คือการปรับเปลี่ยนของร่างกายและเวลาที่ขัดแย้งกัน
ผู้มีประสบการณ์แนะนำว่า
เวลาเดินทางไปต่างประเทศควรลืมเวลาที่ไทยไปเลย
จะได้ไม่ต้องพะวงและเกิดการเปรียบเทียบเวลา
ซึ่งยิ่งจะทำให้ร่างกายและจิตใจยิ่งสับสนและปรับตัวช้าไปอีก
เมื่อผมเชื่อและทำตามคำแนะนำก็ได้ผลดีจริง แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องฝืนเรื่องการกิน
การนอน การทำกิจวัติประจำวันอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งปรับตัวได้
เรื่องการลืมเวลาไทยผมเห็นด้วย
แต่เรื่องการลืมค่าเงินบาทไทย ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีหรือไม่
เพราะหากซื้อของโดยไม่สนใจว่าตีเป็นค่าเงินบาทเท่าไหร่
อาจทำให้กลับไทยด้วยหนี้สินได้ง่ายๆ เพราะจากเงินอเมริกันหนึ่งดอลล่าก็ปาเข้าไปเท่ากับสามสิบกว่าบาทของไทยแล้ว ดังนั้น ลืมเวลาไทยพอทำได้
แต่ลืมค่าเงินบาทนั้นต้องระวังไว้ดีกว่านะ...
ชีวิตกลับด้าน เป็นชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับตัว ปรับใจ
และปรับวิธีการใช้ชีวิตแบบกลับด้านเช่นกัน จึงจะสามารถใช้ชีวิตในสถานที่ใหม่นี้ได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพตามที่ควรเป็น
เมื่อพระเจ้าให้เรามีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ พระองค์ย้ายเราออกจากความมืดสู่ความสว่าง ย้ายจากบึงไฟนรกสู่เมืองสวรรค์ (คส.1.13-14) ดังนั้น
จึงจำเป็นที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพใหม่ให้ได้
แม้ในช่วงแรกจะต้องอดทนเพราะเหมือนมีการต่อสู้กันอยู่ภายในและภายนอก คือสายตามองเห็นว่านี่คือเวลากลางวัน
แต่ภายในระบบของร่างกายคุ้นเคยกับเวลากลางคืนของเมืองไทย
เช่นเดียวกับความต้องการฝ่ายเนื้อหนังที่คอยต่อสู้ฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ แม้จะรับชีวิตใหม่แล้ว
แต่ยังรู้สึกคุ้นเคยกับชีวิตเก่า ดังนั้น...
จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ
อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ
และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง
เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน
ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้ (กท.5.16-17)
และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าโดยพระเมตตากรุณาจากพระองค์ทั้งภายในและภายนอก
มอบถวายชีวิตจิตใจให้กับพระเจ้าซึ่งจะเป็นที่พอพระทัย อย่าประพฤติตามอย่างแฟชั่นคนในยุคสมัยนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม (รม.12.1-2)
เมื่อปรับตัว ปรับใจ ปรับพฤติกรรมในแนวทางชีวิตใหม่อย่างกลับด้านได้แล้ว
จะพบว่ามีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเกินความเข้าใจรออยู่อีกมากมาย หลายคนต้องเสียดายและเสียใจ
หากยังขืนใช้ชีวิตแบบครึ่งๆ กลาง ลุ่มๆ ดอนๆ คือ เอาแน่เอานอนไม่ได้
อย่ากระนั้นเลย รีบกลับตัว กลับใจ ใช้ชีวิตแบบกลับด้าน
คือด้านชีวิตใหม่ให้เร็วที่สุด ย่อมดีกว่าแน่นอน
คุณเห็นด้วยมั้ยครับ !