คิดอย่างบัณฑิต โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น
ข้อคิดเพื่อชีวิตออนไลน์
สุภาษิตโบราณกล่าวว่า...ผู้สื่อสารไม่ดีก็เอาคนจุ่มลงไปในความลำบาก แต่ทูตที่ซื่อสัตย์นำการรักษามาให้ (Proverbs 13:17)
ยุคดิจิตอล
การสื่อสารแบบออนไลน์มีอิทิธิพลต่อชีวิตอย่างมาก
โดยเฉพาะคนไทยเป็นคนที่ใช้สื่อออนไลน์ติดอันดับต้นๆของโลก ข้อมูลพบว่า จากจำนวนประชากรทั้งหมด
68 ล้านคน
มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 38 ล้านคน คิดเป็น 56%
ของประชากร มีจำนวนเบอร์มือถือหรือซิมการ์ดที่ลงทะเบียนมากกว่า
82.78 ล้านเบอร์ มากกว่าจำนวนประชากรทั้งหมด มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียผ่านมือถือ 34 ล้านคน นั่นหมายความว่าทุกวินาทีมีการสื่อสารผ่านทางสังคมออนไลน์
(Social Media) ที่เรียกกันว่า "สังคมก้มหน้า" นั่นเอง
เทคโนโลย์การสื่อสารนั้นมีทั้งประโยชน์อนันต์
และโทษมหันต์ ดังนั้นจึงต้องตระหนักอยู่เสมอว่า
จะสื่อสารอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น จึงขอฝากข้อคิดเพื่อชีวิตออนไลน์ (On line) ดังนี้...
1. ข้อมูลที่จะสื่อสารนั้นเป็นความจริงหรือไม่
ก่อนจะโพสต์ หรือแชร์
ข้อมูลออกไปโปรดหยุดคิดสักนิดว่า ข้อมูลนั้นเป็นความจริงหรือไม่
แหล่งที่มาเชื่อถือได้หรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ไหม
หากไม่แน่ใจก็ควรยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลนั้นจะปลอดภัยกว่า
เพราะหากข้อมูลที่เป็นความเท็จถูกเผยแพร่ไปโดยทำให้เกิดความเข้าใจว่าผิดคิดว่ามันเป็นความจริง
ยิ่งเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง
บางคนคิดว่าตนเองสามารถเผยแพร่ข้อมูลเร็วที่สุด จึงไม่ทันยั้งคิด
ก็มักนำชีวิตสู่ปัญหาโดยไม่จำเป็นมีให้เห็นมากมากแล้ว
เพราะในโลกออนไลน์นั้นข้อมูลที่นำเสนอไปแล้ว ๆม่อาจจะเรียกกลับคืนได้
แม้คุณอาจจะลบออกไป แต่ไม่มีทางลบออกจากระบบออนไลน์ได้เลย
2.
ข้อมูลที่จะสื่อสารนั้นจะส่งผลกระทบที่เสียหายหรือไม่
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโลกออนไลน์นั้นมากเกินกว่าจะประเมินค่าออกมาได้ ดังนั้น คิดหน้าคิดหลังก่อนว่า คำพูดนั้น
ภาพนั้น ข้อความนั้น ที่คุณแสดงความรู้สึกออกมาและโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ หรือ
ได้รับมาจากคนอื่น ซึ่งหลายครั้งไม่ค่อยรู้ที่มา ไม่รู้ช่วงเวลาว่าเป็นเรื่องที่เก่าหรือใหม่
เรื่องจริงหรือเท็จ หากคุณโพสต์ไป แชร์ไป อาจส่งผลเสียหายย้อนกลับมาที่ตัวเอง หรือ
เสียหายต่อบุคคลอื่นได้
3.
ข้อมูลที่จะสื่อสารนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
เมื่อก่อนการสื่อสารมักจะอยู่ในมือของคนกลุ่มน้อย
แต่ปัจจุบันทุกคนสามารถสื่อสารออกไปได้โดยง่ายผ่านสื่อออนไลน์ กฎหมายที่มีอยู่อาจไม่สามารถครอบคลุม
หรือทันสมัยต่อการสื่อสารในยุตดิจิตอลได้
แต่ยังต้องคำนึงเสมอว่า ข้อมูลที่คุณจะสื่อสารออกไปนั้นอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายหรือไม่
เพื่อจะไม่ทำสิ่งผิดโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งการ "ไม่รู้"
ไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดได้
จึงควรศึกษาข้อกฎหมายเบื้องต้นทั้งทางอาญาและแพ่ง
แม้แต่กฎหมายเกี่ยวสิทธิประโยชน์ก็ยิ่งต้องคำนึงถึงว่า สิ่งที่จะทำลงไปนั้นละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นหรือไม่
ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ เช่น การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต ผู้ป่วย เด็ก
หรือบุคคลอื่นโดยไม่เหมาะสม ภาพที่อุจาดตา เป็นต้น
4.
ข้อมูลที่จะสื่อสารนั้นถูกต้องตามหลักจริยธรรมหรือไม่
ไม่มีกฎหมายใดสามารถครอบคลุมและเท่าทันได้ทุกเรื่อง
แต่หลักจริยธรรม ยังเป็นตัวยับยั้งอีกขั้นตอนหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้
เพื่อป้องกันเหตุอันไม่ควรเกิดไม่ให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น บางจริยธรรมมีลายลักษณ์อักษร
แต่บางครั้งอาจไม่มี แต่ในจิตใจของแต่ละคนย่อมมีมโนธรรมที่เป็นเครื่องมือช่วยกรองอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่ามันจะอยู่ลึกเกินกว่าจะนำมาพิจารณาหรือไม่เท่านั้นเอง เพราะบางเรื่องแม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจไม่เหมาะสมตามหลักจริยธรรม
และไม่ควรกระทำตามหลักมโนธรรมที่ดีงาม
จึงควรคิดให้ดีก่อนสื่อสารออกไป
5.
ข้อมูลที่จะสื่อสารนั้นเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่
ในฐานะเป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
เรามีหลักพิจารณาลึกไปกว่ากฎหมายและจริยธรรม นั่นคือ จิตสำนึกผิดชอบตามหลักพระคัมภีร์ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า
สิ่งนั้น เป็นเหตุให้เกิดการถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่ เป็นเหตุให้พระนามพระเจ้าเสื่อมเสียหรือไม่
พระวิญญาณของพระเจ้าจะเสียพระทัยหรือไม่ ทำให้เป็นสิ่งสะดุดต่อผู้อื่นหรือไม่ เป็นต้น
จึงฝากข้อคิดเพื่อชีวิตออนไลน์ทั้ง 5
ข้อนี้ไว้ให้พิจารณาก่อนโพสต์ ก่อนแชร์ ก่อนไลค์ หรือ ก่อนแสดงความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งออกไป
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น...ผมเองก็คิดมานานพอควรที่จะเขียนและเสนอบทความนี้เช่นกัน...
หากชอบก็กดไลค์ ใช่ก็กดแชร์
แต่...คิดให้ดีเสียก่อนนะครับ !
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)