พระเยซูคริสต์ ชีวิตที่มุ่งมั่น
โดย ศจ.บัณฑิต
ดาแว่น
พระคัมภีร์ชี้ให้เห็นว่า
พระเยซูคริสต์มีใจมุ่งมั่น แน่วแน่ที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
ซึ่งหมายถึงจะนำไปสู่การถูกจับและถูกประหารชีวิตต่อไป...แล้วทำไมพระองค์ยังจะไปละ
?
...เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว พระองค์ทรงดำเนินนำหน้าเขาไป จะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
(Luke
19:28)
“เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
และเขาจะมอบบุตรมนุษย์ไว้กับพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย 19และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สาม ท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่”
(Matthew 20:18-19)
วันที่พระเยซูเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่
ดังเช่นกษัตริย์เสด็จเข้าสู่กรุงหลังรบชนะกลับมา
มีการปูผ้า ปูใบไม้ตามทางเดิน และผู้คนร้องยกย่องสรรเสริญ ...ฝ่ายฝูงชนซึ่งเดินไปข้างหน้า กับผู้ที่ตามมาข้างหลัง ก็พร้อมกันโห่ร้องว่า “โฮซันนา แก่ราชโอรสของดาวิด
ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญโฮซันนา ในที่สูงสุด (Matthew 21:8)
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยกย่องสรรเสริญ ให้เกียรติอย่างสูงสุดของผู้คนที่มาอย่างล้นหลาม
สำหรับพระเยซู
การมาครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะมาเพื่อจะถูกจับ ถูกเฆี่ยน ถูกตบ
ถูกเยาะเย้ย ถูกสบประมาท และถูกประหารชีวิตอย่างอยุติธรรม
ส่วนประชาชนที่กำลังโห่ร้อง
สรรเสริญกลับมีความคาดหวังต่างๆ นานา
บ้างต้องการให้พระองค์เป็นกษัตริย์
บ้างต้องการการช่วยเหลือ บ้างต้องการรักษาความเจ็บป่วย
บ้างต้องการอาหารพิเศษ บ้างต้องการเห็นการอัศจรรย์ ยังรวมไปถึงคนที่คอบจับผิด
คิดร้ายต่อพระองค์ที่คาดหวังจะทำอะไรบางอย่างตามแผนการของตน
ไม่ว่าคนอื่นจะคาดหวังอย่างไร แต่พระเยซูยังมุ่งมั่น แน่วแน่ในพระทัยเสมอ
ว่าต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และทุกอย่างจะสำเร็จตามพระประสงค์ของพระบิดา คือ พระองค์ต้องถูกจับ ถูกตรึง และตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเดินไปตายอย่างนั้น แต่พระเยซูยังเชื่อฟังพระบิดาจนถึงที่สุด แม้ต้องต่อสู้กับใจตนเองอย่างหนัก
ถ้าเป็นได้ไม่ตายได้ไหม แต่สุดท้ายได้ยอมจำนนขอให้ตนเป็นไปตามน้ำพระทัยพระบิดา
เสียงของฝูงชนยกย่องสรรเสริญ
และคาดหวังอย่างสุดใจในความยิ่งใหญ่ขงพระเยซูที่จะช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรม
แต่จะมีใครที่เข้าใจเสียงภายในใจของพระเยซูบ้าง
เชื่อว่าข้างในใจของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง
ซึ่งเป็นความไม่รู้ ความบาปชั่ว และความผิดมหันต์ของมวลมนุษย์ที่ตกลงบนพระองค์ กางเขนที่หนักยังไม่หนักเท่าเศษเสี้ยวของความบาปที่ต้องทนรับแทนมวลมนุษย์
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าการเดินเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้นหมายถึงการเดินไปหาความตาย
แต่ยังมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปไม่หยุด ไม่เปลี่ยนใจ ไม่หันหลังกลับ
แม้บางคนห้ามไว้ว่าอย่าเข้าไป แต่ไม่อาจทำให้พระทัยของพระเยซูต้องสับสนเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นความเจ็บปวดที่ยากอธิบายให้ใครอื่นเข้าใจ เพราะจุดหมายความคิดของพวกเขานั้นสวนทางกับพระองค์ ประชาชนเรียกร้องให้พระองค์เป็นกษัตริย์ครอบครองอาณาจักรในโลกนี้
แต่พระองค์ประสงค์จะครอบครองชีวิตจิตใจของผู้คนในอาณาจักรสวรรค์ คนต้องการให้พระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดจากการเป็นทาสของมนุษย์
แต่พระองค์ประสงค์ให้เขาพ้นจากการเป็นทาสของมารและความบาป...ความคิดของมนุษย์ไม่อาจหยั่งรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าได้เลย ยิ่งมองในมุมผลประโยชน์ของตน
ยิ่งเรียกร้องไม่มีสิ้นสุด และหลายครั้งมักขาดความเข้าใจในความเป็นจริงที่ควรจะเป็น เมื่อไม่เป็นอย่างใจ สุดท้ายมักจะโวยวาย
ให้ร้ายคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง
พระเยซูคริสต์ต้องเอาชนะทั้งความคิดของคนรอบข้าง
และความคิดภายในของตนเอง
สุดท้ายพระองค์พิสูจน์ชัดแล้วว่า
ทรงเลือกที่จะตามพระประสงค์อันสูงสุดของพระบิดา
คือ มาตายเพื่อไถ่บาป ให้มนุษย์ได้รับความรอดอันสมบูรณ์
แม้จะรู้ว่ามีความลำบากอยู่ข้างหน้า
แต่ยังกล้าที่จะเดินไป เพราะนั่นคือน้ำพระทัยพระบิดา แล้วคุณและผมละ ! กล้าที่จะเดินต่อไปข้างหน้า แม้ว่าจะมีความทุกข์ลำบากหรือไม่
ถ้ารู้ว่านั่นคือทางที่ใช่
ทางที่จะทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติ
"ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ
แต่ผลนั้นคุ้มค่า ถ้าจะเชื่อฟังและทำตาม"
!
ลองถามใจของตนเองดูว่า
มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ ในการทำสิ่งที่พระเจ้าประสงค์หรือไม่.. แค่ไหน..
ขึ้นอยู่กับใจคุณแล้วละครับ !