17 กันยายน 2558

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมี (3) โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต  โดย  ศจ.บัณฑิต  ดาแว่น 

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมี
ตอน...ความมั่นใจในการทรงนำ

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมีและยึดมั่น เพื่อการรับใช้ที่ถวายเกียรติ ยืนหยัดอยู่ได้จนถึงวันสุดท้าย นอกจากจะมั่นใจในการทรงเรียกแล้ว ยังต้อง  มั่นใจในพระวจนะของพระเจ้า และมั่นใจในการทรงนำด้วย...
3.  มั่นใจในการทรงนำของพระวิญญาณของพระเจ้า
            พระวิญญาณของพระเจ้าทรงเป็นผู้ทำให้ผู้รับใช้เข้าใจความจริงและให้รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดอย่างเหมาะสม  เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับอยู่กับสาวกและผู้เชื่อ ทำให้พวกเขาเข้าใจความจริงที่พระเยซูตรัสไว้ชัดเจนขึ้น และทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการดำเนินชีวิตและการรับใช้อย่างเต็มที่ พวกเขาออกไปประกาศการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูอย่างไม่กรงกลัวอำนาจใด
            ผู้รับใช้ของพระเจ้าจำเป็นต้องมีความมั่นใจในการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อจะจัดสินใจ และลงมือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยความมั่นใจเช่นกัน และเมื่อมั่นใจแล้วว่านี่เป็นการทรงนำที่แท้จริง ก็จงดำเนินตามนั้น แม้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากจะเข้าใจก็ตาม แต่หากยังไม่มั่นใจในการทรงนำ ก็จงใช้เวลาค้นหา และรอคอยพระประสงค์ของพระเจ้าต่อไป
            พระวิญญาณของพระเจ้าสามารถสื่อสารให้คนของพระองค์มีความเข้าใจตรงกันได้  หากมีใครอ้างว่านี่เป็นการทรงนำของพระวิญญาณสำหรับเขาและสิ่งนั้นมีผลกระทบต่อคนอื่นด้วย เรามีความเชื่อว่าพระวิญญาณองค์เดียวกันสามารถสำแดงและสื่อสารให้คนที่เกี่ยวข้องเข้าใจได้  แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นควรต้องรอพิสูจน์ให้ชัดก่อนว่าสิ่งนั้นมาจากการทรงนำของพระวิญญาณจริงหรือไม่
1ท่านที่รักทั้งหลาย   อย่าเชื่อวิญญาณเสียทุกๆวิญญาณ   แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่   เพราะว่ามีผู้พยากรณ์เท็จเป็นอันมากจาริกไปในโลก 2โดยข้อนี้ท่านทั้งหลายก็จะรู้จักพระวิญญาณของพระเจ้า   คือวิญญาณทั้งปวงที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์   วิญญาณนั้นก็มาจากพระเจ้า 3และวิญญาณทั้งปวงที่ไม่ยอมรับเชื่อพระเยซู   วิญญาณนั้นก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า   วิญญาณนั้นแหละเป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์   ซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินว่าจะมา   และบัดนี้ก็อยู่ในโลกแล้ว I John 4:1-3
13ดังนี้แหละเราทั้งหลายจึงรู้ว่า   เราอยู่ในพระองค์และพระองค์ทรงสถิตอยู่ในเรา   เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดประทานพระวิญญาณของพระองค์เองแก่เรา  I John 4:13
            ขอพระวิญญาณแห่งความจริงสำแดงให้ผู้รับใช้พระเจ้ามั่นใจในการทรงนำด้วยเถิด

            อย่าให้ความมั่นใจในการทรงเรียก ความมั่นใจในพระวจนะและความมั่นใจในการทรงนำของพระวิญญาณ ขาดหายไปจากชีวิตการรับใช้พระเจ้า ให้ชีวิตและการงานที่รับใช้นั้นเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าเสมอ เพื่อจะสามารถยืนหยัดอยู่ในทุกสถานการณ์จนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์  ...เอเมน

(ขอบคุณภาพประกอบจากอีินเตอร์เน็ต)

15 กันยายน 2558

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมี (2) โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น


คิดอย่างบัณฑิต  โดย ศจ.บัณฑิต  ดาแว่น

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมี

ตอน...ความมั่นใจในพระวจนะ

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมีและยึดมั่น เพื่อการรับใช้ที่ถวายเกียรติ ยืนหยัดอยู่ได้จนถึงวันสุดท้าย นอกจากจะมั่นใจในการทรงเรียกแล้ว ยังต้อง  มั่นใจในพระวจนะของพระเจ้าด้วย...
2.  ความมั่นใจในพระวจนะของพระเจ้า
            พระวจนะของพระเจ้าเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิตและการปรนนิบัติรับใช้  ผู้รับใช้พระเจ้าจำเป็นต้องใส่ใจศึกษา เรียนรู้ และยึดมั่นในพระวจนะของพระเจ้าเสมอ เพื่อจะทำหน้าที่ในการรับใช้อย่างถูกต้อง ชัดเจน มีหลัก เป็นที่เชื่อถือ ยอมรับ และสำเร็จผลตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้
            เราต่างรู้ดีว่าพระวจนะของพระเจ้านั้น เป็นกฎหมาย เป็นข้อบังคับ เป็นแสงนำทาง เป็นคำตอบ เป็นอาหารล่อเลี้ยงชีวิต เป็นประโยชน์ เป็นแนวทางการอบรมสั่งสอน ตักเตือนว่ากล่าว และการเตรียมคนให้พร้อมในการทำการดี อีกทั้งยังเป็นฤทธิ์เดชที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ (สดด 19, 2ทธ3.16,รม1.16)
            ผู้รับใช้พระเจ้าจำเป็นต้องใช้พระวจนะของพระเจ้าในการดำเนินชีวิตและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอย่างมั่นใจ แม้สถานะของตนเองในท่ามกลางผู้คนที่กำลังรับใช้อยู่นั้นอาจดูเหมือนด้อยกว่าทาง วัยวุฒิ คุณวุฒิ หรือ แม่แต่ทางฐานะ การศึกษาก็ตาม แต่หากผู้รับใช้รู้และมั่นใจว่า สิ่งที่ตนเองดำเนินตามและกำลังถ่ายทอดให้ผู้อื่นฟังและดำเนินตามนั้น หาใช่เพียงจากคำพูด คำสอนจากปากของคนเท่านั้น แต่นั่นเป็นคำพูด คำสอนที่เป็นมาจากพระวจนะของพระเจ้าที่เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช ก็จะไม่หวั่นเกรงหรือสูญเสียโอกาสในการรับใช้  แต่ทั้งนี้ยังต้องประกอบไปด้วยท่าทีที่เหมาะสมและสุภาพตามสมควรที่พระเจ้าทรงมีบัญชา
11แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า   จงหลีกหนีเสียจากสิ่งเหล่านี้   จงมุ่งมั่นในความชอบธรรม   ในทางของพระเจ้า   ความเชื่อ   ความรัก   ความอดทน   และความอ่อนสุภาพ 12จงต่อสู้อย่างเต็มกำลังความเชื่อ   จงยึดชีวิตนิรันดร์ไว้   ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านรับ   ในเมื่อท่านได้รับเชื่ออย่างดีต่อหน้าพยานหลายคน I Timothy 6:11-12
24ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท   แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน   เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน 25ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพ   ว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขากลับใจ   และมาถึงซึ่งความจริง 26และหลุดพ้นบ่วงของมารผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน  II Timothy 2:24-25
12เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้   เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก   จงสวมใจเมตตา   ใจปรานี   ใจถ่อม   ใจอ่อนสุภาพ   ใจอดทนไว้นาน  Colossians 3:12
            ขอให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าเชื่อพระวจนะ ศึกษา ใคร่ครวญพระวจนะ  ดำเนินตามพระวจนะ และใช้พระวจนะอย่างมีหลัก เพื่อจะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเต็มที่ต่อไป อย่าได้คล้อยตามลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่างโดยไม่ระวังอีกต่อไป แต่ให้ยึดมั่นและยืนหยัดอยู่บนพระวจนะของพระเจ้าอย่างมั่นใจ
13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ   และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า   จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่   คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ 14เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป   ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง   และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง 15แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก   เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ   คือพระคริสต์  Ephesians 4:13-15

...อาเมน....ติดตามตอนต่อไป...ความมั่นใจในการทรงนำ  
(-ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต-)

12 กันยายน 2558

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมี (1) โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น

  คิดอย่างบัณฑิต  
โดย  ศจ.บัณฑิต  ดาแว่น 

ตอน...
ความมั่นใจในการทรงเรียก

ความมั่นใจที่ผู้รับใช้พระเจ้าควรมีและยึดมั่น เพื่อการรับใช้ที่ถวายเกียรติ ยืนหยัดอยู่ได้จนถึงวันสุดท้าย...
1.  ความมั่นใจในการทรงเรียก
            การทรงเรียกของพระเจ้าต่อผู้รับใช้นั้นมีความสำคัญ ผู้รับใช้พระเจ้าควรมีความมั่นใจว่าพระเจ้าทรงเรียกให้รับใช้อย่างชัดเจนหรือไม่  เพราะการรับใช้นั้นไม่ใช่ทำตามความต้องการของมนุษย์แต่เป็นการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงเรียกผู้รับใช้ให้ตอบสนองพระประสงค์ของพระองค์ทั้งงานเฉพาะเจาะจงและงานทั่วไป  สังเกตว่าผู้ที่รับการทรงเรียกนั้นจะมีประสบการณ์โดยตรงกับพระเจ้า ได้รับการสำแดงให้รู้ว่าทรงต้องการให้ทำอะไร 
            พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมในตอนที่เขามีชื่อว่า อับราม โดยให้เขาได้รู้อย่างชัดเจนว่า ต้องทำอะไร ไปที่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้น
พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า   “เจ้าจงออกจากเมือง   จากญาติพี่น้อง   จากบ้านบิดาของเจ้า   ไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ 2เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่  เราจะอวยพรแก่เจ้า   จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป   แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร 3เราจะอำนวยพรแก่คนที่อวยพรเจ้า  เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า   บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า”   Genesis 12:1-3
            อับราฮัมได้รับการทรงเรียกที่ชัดเจน ให้ทำอะไร... ออกจากเมือง จากญาติพี่น้อง จากบ้านบิดา  ให้ไปที่ไหน...ไปยังดินแดนที่พระเจ้าจะบอกให้รู้  จะเกิดอะไรขึ้น....พระเจ้าสัญญาจะให้อับราฮัม 7  ประการ  ได้แก่  หนึ่ง ให้เป็นชนชาติใหญ่  สอง พระเจ้าจะอวยพร  สาม จะให้มีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป  สี่ อับราฮัมจะช่วยให้คนอื่นได้รับพร  ห้า พระเจ้าจะอวยพรคนที่อวยพรอับราฮัม  หก พระเจ้าจะสาปแช่งคนที่สาปแช่งอับราฮัม  และ เจ็ด  บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะอับราฮัม
            แม้หนทางการติดตามพระเจ้าและการรับใช้พระองค์จะยาวไกลและเนิ่นนาน ผ่านอุปสรรคนานับปการ แต่อับราฮัมก็พิสูจน์แล้วว่า ท่านยืนหยัดอยู่บนเส้นทางแห่งการทรงเรียกอย่างสัตย์ซื่อ  จนได้ชื่อว่า บิดาแห่งความเชื่อ และด้วยความเชื่อนี่เองพระเจ้าจึงทรงเรียกว่าผู้ชอบธรรม  พระคัมภีร์ยังได้บันทึกถึงพระพร ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และความพอพระทัยที่พระเจ้าทรงมีต่ออับราฮัมตามพระสัญญาอย่างอัศจรรย์และยิ่งใหญ่มาจนทุกวันนี้ 
            เพราะโมเสส รับการทรงเรียกอย่างชัดเจนและเจาะจงว่าให้ไปนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ไปยังดินแดนแห่งพระสัญญา  ท่านจึงยึดมั่นและนำประชากรของพระเจ้านับล้านคนออกไปตามพระบัญชาอย่างอัศจรรย์และยิ่งใหญ่  แม้จะพบอุปสรรคปัญหามากมายจนกระทั่งตัวท่านได้แค่มองดินแดนแห่งพระสัญญาเท่านั้น แต่ท่านยังยืนหยัดอยู่ในเส้นทางแห่งการทรงเรียกอยู่เสมอ
            เพราะเอลียาห์ รับการทรงเรียกให้เผยพระวจนะต่อกษัตริย์อาหับและพระนางเยเซเบล เพื่อชนชาติอิสราเอลจะกลับใจจากความบาปหันกลับมาหาพระเจ้า แม้ท่านต้องหนีหัวซุกหัวซุน และท้อแท้ใจจนอยากตาย แต่ยังยืนหยัดอยู่บนเส้นทางแห่งการรับใช้ตามการทรงเรียก จนกระทั่งส่งต่องานให้เอลีชาศิษย์เอกของท่านอย่างอัศจรรย์และยิ่งใหญ่
            เพราะยอห์น บัพติสมา รู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกท่านให้เป็นผู้เตรียมทางของพระเมสสิยาห์ผู้กำลังจะเสด็จมาภายหลังท่าน ยอห์นไม่รีรอในการรับใช้ในหน้าที่ของตน ท่านเริ่มต้นเทศนา ประกาศให้กลับใจเสียใหม่และให้บัพติสมา ท่านกล้าเผชิญหน้ากับคนทุกระดับตั้งแต่สามัญชนจนถึงกษัตริย์ แม้สุดท้ายชีวิตจะถูกคุมขังและถูกประหารด้วยการตัดศีรษะ แต่ท่านยังยึดมั่นในเส้นทางแห่งการทรงเรียกจนนาทีสุดท้าย
            เพราะเปาโล ได้รับการทรงเรียกอย่างชัดเจนและเจาะจงให้ประกาศพระนามพระเยซูที่ท่านเคยข่มเหงมาก่อนหน้านั้นไปทั่วบรรดาประชาชาติ แม้จะต้องเผชิญความลำบากสารพัด จนกระทั่งถึงชีวิต ท่านยังยืนหยัดอยู่บนเส้นทางการรับใช้อย่างดีเช่นกัน ผลงานการเขียนจดหมายที่กลายมาเป็นหลักการดำเนินชีวิตคริสเตียนมาจนถึงวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
            ยังมีผู้รับใช้อีกหลายคนที่ได้รับการทรงเรียกและมั่นใจในพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ได้พิสูจน์ตนเองให้เห็นมาตลอดทุกยุคสมัย  ในวันนี้คุณและผมในฐานะผู้รับใช้ หากได้รับการทรงเรียกและมั่นใจในพระประสงค์ของพระองค์อย่างแท้จริง ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เหมือนบุคคลเหล่านั้นเช่นกัน  คุณเชื่อเช่นนั้นหรือไม่


ติดตามตอนต่อไป...ความมั่นใจในพระวจนะของพระเจ้า
(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)