02 เมษายน 2558

"พระเยซูคริสต์ ชีวิตที่มุ่งมั่น" โดย ศจ.บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต


พระเยซูคริสต์ ชีวิตที่มุ่งมั่น
โดย  ศจ.บัณฑิต  ดาแว่น

พระคัมภีร์ชี้ให้เห็นว่า พระเยซูคริสต์มีใจมุ่งมั่น แน่วแน่ที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม  ซึ่งหมายถึงจะนำไปสู่การถูกจับและถูกประหารชีวิตต่อไป...แล้วทำไมพระองค์ยังจะไปละ ?
...เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว   พระองค์ทรงดำเนินนำหน้าเขาไป   จะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม (Luke 19:28)    “เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม   และเขาจะมอบบุตรมนุษย์ไว้กับพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์   และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย 19และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี   และให้ตรึงไว้ที่กางเขน   และวันที่สาม   ท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่” (Matthew 20:18-19)
            
วันที่พระเยซูเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่นกษัตริย์เสด็จเข้าสู่กรุงหลังรบชนะกลับมา  มีการปูผ้า ปูใบไม้ตามทางเดิน และผู้คนร้องยกย่องสรรเสริญ   ...ฝ่ายฝูงชนซึ่งเดินไปข้างหน้า   กับผู้ที่ตามมาข้างหลัง   ก็พร้อมกันโห่ร้องว่า   “โฮซันนา แก่ราชโอรสของดาวิด   ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า   ทรงพระเจริญโฮซันนา    ในที่สูงสุด  (Matthew 21:8)
            ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยกย่องสรรเสริญ  ให้เกียรติอย่างสูงสุดของผู้คนที่มาอย่างล้นหลาม สำหรับพระเยซู  การมาครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะมาเพื่อจะถูกจับ ถูกเฆี่ยน ถูกตบ ถูกเยาะเย้ย ถูกสบประมาท และถูกประหารชีวิตอย่างอยุติธรรม
            ส่วนประชาชนที่กำลังโห่ร้อง สรรเสริญกลับมีความคาดหวังต่างๆ นานา  บ้างต้องการให้พระองค์เป็นกษัตริย์  บ้างต้องการการช่วยเหลือ บ้างต้องการรักษาความเจ็บป่วย บ้างต้องการอาหารพิเศษ บ้างต้องการเห็นการอัศจรรย์ ยังรวมไปถึงคนที่คอบจับผิด คิดร้ายต่อพระองค์ที่คาดหวังจะทำอะไรบางอย่างตามแผนการของตน
            ไม่ว่าคนอื่นจะคาดหวังอย่างไร  แต่พระเยซูยังมุ่งมั่น แน่วแน่ในพระทัยเสมอ ว่าต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และทุกอย่างจะสำเร็จตามพระประสงค์ของพระบิดา  คือ พระองค์ต้องถูกจับ ถูกตรึง และตาย  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเดินไปตายอย่างนั้น  แต่พระเยซูยังเชื่อฟังพระบิดาจนถึงที่สุด  แม้ต้องต่อสู้กับใจตนเองอย่างหนัก ถ้าเป็นได้ไม่ตายได้ไหม แต่สุดท้ายได้ยอมจำนนขอให้ตนเป็นไปตามน้ำพระทัยพระบิดา
            เสียงของฝูงชนยกย่องสรรเสริญ และคาดหวังอย่างสุดใจในความยิ่งใหญ่ขงพระเยซูที่จะช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรม   แต่จะมีใครที่เข้าใจเสียงภายในใจของพระเยซูบ้าง  เชื่อว่าข้างในใจของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง ซึ่งเป็นความไม่รู้ ความบาปชั่ว และความผิดมหันต์ของมวลมนุษย์ที่ตกลงบนพระองค์  กางเขนที่หนักยังไม่หนักเท่าเศษเสี้ยวของความบาปที่ต้องทนรับแทนมวลมนุษย์  แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าการเดินเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้นหมายถึงการเดินไปหาความตาย แต่ยังมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปไม่หยุด ไม่เปลี่ยนใจ ไม่หันหลังกลับ แม้บางคนห้ามไว้ว่าอย่าเข้าไป แต่ไม่อาจทำให้พระทัยของพระเยซูต้องสับสนเลยแม้แต่น้อย  ช่างเป็นความเจ็บปวดที่ยากอธิบายให้ใครอื่นเข้าใจ  เพราะจุดหมายความคิดของพวกเขานั้นสวนทางกับพระองค์  ประชาชนเรียกร้องให้พระองค์เป็นกษัตริย์ครอบครองอาณาจักรในโลกนี้ แต่พระองค์ประสงค์จะครอบครองชีวิตจิตใจของผู้คนในอาณาจักรสวรรค์  คนต้องการให้พระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดจากการเป็นทาสของมนุษย์ แต่พระองค์ประสงค์ให้เขาพ้นจากการเป็นทาสของมารและความบาป...ความคิดของมนุษย์ไม่อาจหยั่งรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าได้เลย  ยิ่งมองในมุมผลประโยชน์ของตน ยิ่งเรียกร้องไม่มีสิ้นสุด และหลายครั้งมักขาดความเข้าใจในความเป็นจริงที่ควรจะเป็น  เมื่อไม่เป็นอย่างใจ สุดท้ายมักจะโวยวาย ให้ร้ายคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง
            พระเยซูคริสต์ต้องเอาชนะทั้งความคิดของคนรอบข้าง และความคิดภายในของตนเอง  สุดท้ายพระองค์พิสูจน์ชัดแล้วว่า ทรงเลือกที่จะตามพระประสงค์อันสูงสุดของพระบิดา  คือ มาตายเพื่อไถ่บาป ให้มนุษย์ได้รับความรอดอันสมบูรณ์
            แม้จะรู้ว่ามีความลำบากอยู่ข้างหน้า แต่ยังกล้าที่จะเดินไป เพราะนั่นคือน้ำพระทัยพระบิดา  แล้วคุณและผมละ ! กล้าที่จะเดินต่อไปข้างหน้า แม้ว่าจะมีความทุกข์ลำบากหรือไม่ ถ้ารู้ว่านั่นคือทางที่ใช่  ทางที่จะทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติ
            "ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่ผลนั้นคุ้มค่า  ถ้าจะเชื่อฟังและทำตาม" !
            ลองถามใจของตนเองดูว่า มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ ในการทำสิ่งที่พระเจ้าประสงค์หรือไม่.. แค่ไหน.. ขึ้นอยู่กับใจคุณแล้วละครับ !