13 กุมภาพันธ์ 2555

“ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุก...” โดย บัณฑิต ดาแว่น



คิดอย่างบัณฑิต  โดย บัณฑิต  ดาแว่น 

 “ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุก...”

คนทั่วไปมักกล่าวว่า  “ที่ไหนมีรัก  ที่นั้นมีทุกข์”  แต่สำหรับผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ พบความจริงว่า “ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุก...สิ่งที่ครบบริบูรณ์
เพราะ... พระเยซูตรัสว่า  “...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต   และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”  (ยน.10.10)
เมื่อเรามีความรักของพระเยซู  จะได้รับทุกสิ่งที่เพียงพอสำหรับชีวิต  เพราะความรักของพระองค์นั้นสามารถเติมเต็มในสิ่งที่เราต้องการ !

คนทั่วไปมักกล่าวว่า  “ที่ไหนมีรัก  ที่นั้นมีทุกข์”  แต่สำหรับผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ พบความจริงว่า ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุก...สิ่งที่ครบบริบูรณ์
เพราะ... พระเยซูตรัสว่า  “...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต   และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”  (ยน.10.10)
เมื่อเรามีความรักของพระเยซู  จะได้รับทุกสิ่งที่เพียงพอสำหรับชีวิต  เพราะความรักของพระองค์นั้นสามารถเติมเต็มในสิ่งที่เราต้องการ !
อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) กล่าวถึงความต้องการของมนุษย์ไว้ 5 ขั้น  1) ความต้องการฝ่ายร่างกาย (Physiological needs) 2) ความต้องการความปลอดภัย(Safety needs) 3) ความต้องการเป็นที่รักและเป็นเจ้าของ(Belongingness and Love needs) 4) ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง(Self-Esteem needs) 5) ความต้องการบรรลุความสำเร็จสูงสุด(Self-Actualization needs
ปัญหาคือ  คนเรามักจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด  ด้วยเหตุนี้ ปัญหานานัปการจึงเกิดขึ้น เพราะคนเรามีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด...
ความรักของมนุษย์โดยทั่วไปไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงได้  เพราะเป็นความรักที่มีเงื่อนไขมากมาย เกินกว่าจะตอบสนองได้ทั้งหมด  เช่น ฉันรักเธอ เพราะว่า..... ถ้า......... แต่...
แต่ความรักของพระเยซูคริสต์นั้น เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข  คือ  รัก ถึงแม้ว่า.........จนกระทั่ง.......
ยอห์น 3.16 บันทึกไว้ว่า  “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
อาจารย์เปาโลย้ำเรื่องนี้ว่า...ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง   พระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนบาปในเวลาที่เหมาะสม... แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย   คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น   พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา...(รม.5.6-10)
พระเยซู รู้ว่าสิ่งที่มนุษย์ขาด และต้องการที่แท้จริง คือ ชีวิตนิรันดร์ หมาย ถึง การได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป  และพระองค์สามารถประทานชีวิตนิรันดร์ให้ได้ เพราะ ทรงมีชีวิตนิรันดร์ และ มีความรักนิรันดร์
...เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า   และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า   และรู้จักพระเจ้า 8ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า   เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก 9โดยข้อนี้ความรักของพระเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่เราทั้งหลาย   คือพระเจ้าทรงใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก   เพื่อเราทั้งหลายจะได้ดำรงชีวิตโดยพระบุตร...  (1ยน.4.7-9)
มนุษย์มีความรักที่อายุสั้น ไม่ยั่งยืนนิรันดร์ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา วานนี้รัก วันนี้ลืม วานนี้รัก วันนี้เกลียด สามวันดี สี่วันร้าย 
ตัวอย่างจากโฆษณาเครื่องดื่มกาแฟชนิดหนึ่ง ที่เมื่อก่อนรักกันใครแย่งไปไม่ได้ แต่สมัยนี้มีให้เลือกเยอะ จึงไม่ง้อ ใครอยากได้ก็เอาไป  เมื่อก่อนพูดว่า ใครมาแย่งน้องอี้เฟย ต้องข้ามศพข้าไปก่อน แต่เดี่ยวนี้กลับบอกว่า ถ้าอยากได้ก็เอาไปเลย เพราะมีคนอื่นให้เลือกตั้งเยอะ ???
ความรักของมนุษย์ไม่ยั่งยืน  จึงทำให้เกิดความทุกข์ โศกเศร้า มีปัญหานานับปการ  แต่ความรักของพระเจ้าพระเยซู ยังอยู่กับเราเสมอ  พระองค์สามารถให้ทุกสิ่งกับชีวิตของเรา ที่เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์
ความรักที่เห็นแก่ตัว มีรากฐานมาจากมาร เพราะมันมาเพื่อ เพื่อลัก ฆ่า และทำลาย  มันทำทุกวิถีทางให้มนุษย์ตกหลุมพรางของมัน โดยการให้มนุษย์เรียกร้องความต้องการเพื่อตนเองฝ่ายเดียวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่มันเคยทำต่อพระเจ้ามาแล้ว และด้วยเหตุนั้นมารจึงถูกสาป และถูกขับออกมาจากสวรรค์กลายมาเป็นวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศและแผ่นดินโลกจนทุกวันนี้ 
โอ  ดาวประจำกลางวันเอ๋ย  พ่อโอรสแห่งพระอรุณ   เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ   
  เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ     เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติ
ตกต่ำน่ะ
    13เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า     
'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์     เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า   
  
ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น   ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล   
 14
ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ   ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'   
 15แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย     ยังที่ลึกของปากแดน    (อสย.14.12-14)
ความรัก หากมีแต่การเรียกร้อง ก็มักจะมีความทุกข์ และปัญหาตามมา  แต่ความให้ที่มีการให้ การแบ่งปัน ย่อมทำให้เกิดความสุข ความสมหวังกันทุกฝ่าย  ดังพระวจนะที่สอนว่า
35ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้ให้ท่านทุกอย่างแล้ว   ให้เห็นว่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่มีกำลังน้อย   ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า   ซึ่งพระองค์ตรัสว่า   'การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ   (กิจการ 20.35)

ลักษณะความรักที่พระเจ้าต้องการให้เรามีและเป็น (1โครินธิ์ 13.4-8ก)  คือ

ความรัก... (8 ไม่ + 8 ให้ทำ)

8 ไม่=  ไม่อิจฉา   ไม่อวดตัว   ไม่หยิ่งผยอง  ไม่หยาบคาย  
ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว   ไม่ฉุนเฉียว   ไม่ช่างจดจำความผิด  
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด 

8 ให้ทำ= อดทนนาน  กระทำคุณ(ประโยชน์)ให้แก่กัน  
ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ  
ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น   เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ  
มีความหวังอยู่เสมอ  ทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น 

เราสามารถทำตามความรักของพระเจ้าได้ เพราะ...พระเยซูทำได้แล้ว  และพระองค์ช่วยเราให้เราทำตามได้ โดยพึงพระเยซู
หากเราทำอย่างที่พระคัมภีร์สอน อย่างที่พระเยซูทำ รับรองได้ว่า  “ที่ไหนมีรัก ที่นั่นจะมีทุกสิ่งอย่างครบบริบูรณ์”  และจะจบอย่างบริบูรณ์แบบแฮบปี้เอ็นดิ้งด้วยเช่นกัน

คุณพร้อมจะรับความรัก และดำเนินในความรักของพระเยซูหรือไม่ ?