29 ธันวาคม 2554

ห้ามตาย ! โดยไม่ได้รับอนุญาต โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต  โดย บัณฑิต  ดาแว่น 

ห้ามตาย ! โดยไม่ได้รับอนุญาต


มาตรการลดอุบัติเหตุปีใหม่ 2555
ตั้งเป้ายอดเสียชีวิตไม่เกิน 340 คน เจ็บไม่เกิน 3,563 คน  
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมีเป้าหมายลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2554 - 4 มกราคม 2555 ให้ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปี 2554 โดย เทศกาลปีใหม่ 2554 เกิดอุบัติเหตุ 3,497 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 358 คน ผู้บาดเจ็บ 3,750 คน เป้าหมายปีใหม่ 2555 จำนวนอุบัติเหตุ 3,322 ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต 340 คน จำนวนผู้บาดเจ็บ 3,563 คน  (แหล่งที่มา http://thaipost.net/news/071211/49275)
จากข้อมูลของเทศกาลปีใหม่ 2554 มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- แบ่งตามประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุทางถนน ได้แก่ รถจักยานยนต์ 83.24% รถปิกอัพ 7.70% รถเก๋ง 3.28% 
- สาเหตุอุบัติเหตุทางถนน เมาสุรา 41.24% ขับรถเร็วเกินกำหนด 20.42% มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 16.56% ตัดหน้ากระชั้นชิด 14.36% ไม่มีใบขับขี่ 6.52%
- ประเภทถนนที่เกิดอุบัติเหตุ ทางหลวงแผ่นดิน 36.15% นอกเขตทางหลวงแผ่นดิน 63.85% ถนนอบต./หมู่บ้าน 32.74% ถนนในเมือง/เทศบาล 14.47% ถนนทางหลวงชนบท 13.10%
- ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ กลางคืน 68.58% แบ่งเป็นเวลา 16.01-20.00 น. 29.94%, 20.01-24.00 น. 17.70%, 00.01-04.00 น. 13.73% และ 04.01-08.00 น. 7.21% กลางวัน 31.42% แบ่งเป็นเวลา 08.00-12.00 น. 13.30% และ 12.01-16.00 น. 18.13%
- อายุของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ต่ำกว่า 20 ปี 24.78% ต่ำกว่า 15 ปี 8.03% และ 15-19 ปี 16.75%
- กลุ่มวัยแรงงาน 20-24 ปี 12.76%, 25-29 ปี 12.12%, 30-39 ปี 17.92% และ 40-49 ปี 25.24%
ดังนั้นในช่วง 7 วัน อันตรายเทศกาลปีใหม่ 2555 จึงมีโครงการ "ปีใหม่ตายเป็นศูนย์" หรือ New year zero dead (ข้อมูลจาก นสพ.ข่าวสด 23 ธ.ค.54)

หากมีการตายมากกว่าที่กำหนดไว้ อาจเรียกได้ว่า “ตายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้หรือไม่ ? … ความจริงแล้ว ใครจะเป็น หรือ จะตาย คงห้ามกันไม่ได้  เพราะคนเราต้องตายตามอายุขัย หรือตามธรรมดาของชีวิต  ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครอยากตาย  แต่ที่น่าเป็นห่วงกลับไม่ใช่การตายตามธรรมดา แต่เป็นอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากปัญหาในตัวของคนเรานี่เอง  จึงต้องมารณรงค์กันทุกปี เพราะทุกคนต่างเห็นด้วยกันว่าไม่อยากเห็นการตายในรูปแบบนี้เกิดขึ้นอีก  แต่กลับมีการตายจำนวนมากทุกปี ๆ  และแนวโน้มไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น  โดยมีตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือ “เมา” และ “ประมาท”
          มาตรการต่างๆ ที่ออกมานั้นล้วนแต่เป็นเรื่องดี แต่ปัญหาคือ คนไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ สร้างความสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน อย่างประเมินค่าเสียหายไม่ได้  สะท้อนให้เห็นถึงการขาดระเบียบวินัย ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้คนโดยรวม  จึงทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่จบไม่สิ้นสักที  ดังพระธรรมสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า  “เขาตายเพราะขาดวินัย” (สภษ.5.23)  บางครั้งก็น่าแปลกว่า คนเราไม่อยากตาย แต่ กลับทำร้ายตนเองด้วยการประมาท การดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติดต่างๆ ที่ส่งผลร้ายต่อร่างกายและชีวิตอยู่ประจำ  แม้จะรู้ว่าสิ่งใดดี แต่กลับทำไม่ได้ รู้ว่าสิ่งใดไม่ดี แต่กลับทำอยู่เสมอ  ดังความรู้สึกของอาจารย์เปาโลที่ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงว่า 24โอย   ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้   ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายนี้ซึ่งเป็นของความตายได้... หากอ่านมาถึงแค่นี้จะพบแต่ความสิ้นหวัง  แต่ขอบคุณพระเจ้าอาจารย์เปาโลบันทึกประสบการณ์ชีวิตของท่านต่อไปว่า.... 25ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า   โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   ฉะนั้นทางด้านจิตใจของข้าพเจ้านั้น   ข้าพเจ้าเชื่อฟังกฎของพระเจ้า   แต่ด้านฝ่ายเนื้อหนังของข้าพเจ้า   ข้าพเจ้าเป็นทาสของกฎแห่งบาป (อ่านโรม.7.18-25)
          จากตัวอย่างที่ยกมาแสดงให้เห็นว่า  คนเราต้องการรับการช่วยเหลือ  เรากำลังขาดกำลังในการทำสิ่งดี  แม้รู้ทั้งรู้ แต่ไม่อาจทำได้  ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงจำเป็นต้องการผู้ช่วยให้รอด  เพราะเราต่างไปไม่รอด  เอาตัวไม่รอด นั่นเอง !
 “พระเยซูคริสต์”  องค์พระผู้ช่วยให้รอด  ได้มาช่วยคนที่ต้องการจะหลุดพ้นจากอำนาจของสิ่งชั่วร้ายแล้ว ! พระองค์พร้อมจะช่วยคนที่ต้องการรับการช่วยกู้  พระคัมภีร์บันทึกว่า

 6ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง   พระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนบาปในเวลาที่เหมาะสม.. 8แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย   คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น   พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา 9เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์   ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้าโดยพระองค์ (โรม 5.6-9)
หากเรายอมรับว่าไม่สามารถช่วยตนเองให้รอดพ้นจากอำนาจชั่วร้ายได้ และต้องการรับการช่วยให้รอดพ้น  โดยยอมรับว่าพระเยซูเป็นผู้ช่วยได้ นั่นคือโอกาสใหม่ ทางรอดใหม่ ชีวิตใหม่ ที่จะได้รับจากพระเยซู  พระองค์จะเข้าไปปรับปรุงแก้ไข อุปนิสัย จิตใจภายในของผู้นั้น เพื่อให้เขาสามารถทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำในสิ่งสิ่งดีได้ดังใจหวัง  โดยมีพระผู้ช่วยให้รอดคอยเป็นผู้เสริมกำลังอยู่ในจิตใจ (รม.12.1-2,ฟป.4.13)
เทศกาลปีใหม่ เป็นเวลาแห่งความยินดี เป็นโอกาสที่จะได้อยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว ญาติ มิตร  ที่จะร่วมกัน “สวัสดีปีใหม่” ด้วยความสุขสันต์  จึงขอให้วันที่ดี  มีทั้ง สิ่งดี และ สวัสดิภาพ  สันติภาพ ภารดรภาพเกิดขึ้นกับทุกคน  อย่าให้ความไร้ระเบียบ ขาดวินัย ไร้ความยับยั้งชั่งใจมาทำร้ายตนเองและคนรอบข้างอีกต่อไป  หากต้องตายก็ขอให้เป็นไปตามธรรมดาของชีวิต อย่าให้สูญเสียชีวิตด้วยการ ตายโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกเลย เพราะทุกคนต่างอยากให้ปัญหาอุบัติเหตุลดลงด้วยกันทั้งนั้น 

ดังนั้น “ห้ามตาย ! โดยไม่ได้รับอนุญาต”

สวัสดีปีใหม่ ครับ !

22 ธันวาคม 2554

บุคคลดีเด่นแห่งคริสตมาส โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต  โดย บัณฑิต  ดาแว่น 

บุคคลดีเด่นแห่งคริสตมาส

          เรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลคริสตมาส  มีบุคคลจำนวนมากที่มีบทบาทสำคัญและดีเด่น  ซึ่งพระเจ้าได้เลือกสรรเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในแผนการช่วยกู้โลกให้รอดพ้นจากความพินาศ  นับตั้งแต่ยุคปฐมกาลจนถึงประมาณ 2 พันปีที่ผ่านมา  โดยแต่ละยุคสมัยนั้นพระเจ้าเลือกคนที่เหมาะสม มีคุณสมบัติที่พร้อมให้พระองค์ใช้ได้ และที่สำคัญมีจิตใจที่ยอมทำตามพระประสงค์ด้วยความศรัทธา  ดังจะยกตัวอย่าง  3 บุคคล

1.  โยเซฟ : ผู้ชายที่เป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่ตัดสินคนจากภายนอกที่มองเห็น ไม่พูดหรือทำอะไรที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เสียหาย  เป็นคนที่ตัดสินใจด้วยความรอบคอบ ไม่วู่วามตามอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น แต่ยอมฟังเสียงของพระเจ้า และเมื่อมั่นใจแล้วว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนและคู่หมั้นนั้น เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า  เขาก็ยอมทำตามด้วยความศรัทธา  แม้อาจจะถูกคนรอบข้างมองว่า เด็กในท้องของคู่หมั้นนั้นมาจากไหนไม่รู้ เขายอมอับอายอยู่นานหลายปี  จนนาทีนี้เราต่างรู้ว่า พระเยซู ที่เกิดมานั้นเป็น “พระผู้ช่วยให้รอด”  ผู้มาเกิดในโลกนี้
18เรื่องพระกำเนิดของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้   คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น   เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว   ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า   มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ 19แต่โยเซฟคู่หมั้นของเขาเป็นคนมีธัมมะ   ไม่พอใจที่จะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ   หมายจะถอนหมั้นเสียลับๆ 20แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่   ก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า   มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝัน... 24ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามคำซึ่งทูตของพระเจ้าสั่งนั้น   คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา 25แต่มิได้สมสู่กับเธอจนประสูติบุตร  (มัทธิว 1:18-25)
พระเจ้าต้องการผู้ชายอย่างโยเชฟ ที่มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบที่ดี ในการนำชีวิต นำครอบครัว นำสังคม และโลกของเราให้อยู่เย็นเป็นสุข และรอดพ้นจากความพินาศ  ทุกวันที่เขาตื่นขึ้นมาก็มั่นใจได้ว่าเขาจะทำในสิ่งที่ดีต่อตนเองและคนรอบข้าง
น่าเสียดายที่ผู้ชายหลายคนดูเหมือนมีสิ่งต่างๆรอบข้างเพียบพร้อม แต่ขาดคุณธรรมประจำใจ จึงทำให้ชีวิต ครอบครัว สังคม และโลกนี้มีปัญหาดังเช่นที่เป็นมาทุกวันนี้
คุณเป็นผู้ชายที่มีคุณธรรมและเป็นผู้รับผิดชอบที่ดีหรือไม่ ?

2.  มารีย์ : ผู้หญิงที่พระเจ้าโปรดปรานและสถิตอยู่ด้วย  เธอมอบถวายชีวิตให้เป็นทาสีของพระเจ้าและพร้อมให้เป็นไปตามพระประสงค์  ยอมตั้งท้องโดยหลายคนไม่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของใคร  แต่เธอรู้อยู่แก่ใจว่า เป็น “พระเจ้า” ที่มาเกิดในท้องของเธอ และจะเรียกชื่อว่า “เยซู” ซึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดพ้นจากความผิดบาปของคนทั้งโลก
28ทูตสวรรค์เข้าบ้านมาถึงหญิงพรหมจารีนั้น   แล้วว่า   “เธอผู้ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดปรานมาก   จงจำเริญเถิด   พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับเธอ” .... 38ส่วนมารีย์จึงทูลว่า   “ดูเถิด   ข้าพเจ้าเป็นทาสีของพระเป็นเจ้า   ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน  (ลูกา 1:28-38)
พระเจ้าต้องการผู้หญิงที่มุ่งมั่นทำคุณงามความดี เป็นที่พึงพอใจและน่าอยู่ด้วยใกล้ๆ เหมือนมารีย์เพิ่มขึ้นในโลกนี้ ในประเทศนี้ ในบ้านนี้ ครอบครัวนี้ เพื่อความสงบสุขร่มเย็นจะเกิดมากขึ้น
น่าเสียดายที่ผู้หญิงหลายคนรูปสวย รวยทรัพย์ นับปัญญาได้มากมาย  แต่กลับไม่มีใครอยากอยู่ด้วย  ดังคำสอนสุภาษิตที่กล่าวว่า   “อยู่ที่มุมบนหลังคาเรือน   ดีกว่าอยู่ในเรือนร่วมกับหญิงขี้ทะเลาะ”   (สุภาษิต 21:9)
คุณเป็นผู้หญิงที่ทำให้คนรอบข้างพึงพอใจและอยากอยู่ด้วยหรือไม่ ?

3.  พระกุมารเยซู : ผู้ยอมสละพระองค์เองมาเกิดในโลกนี้ในที่ยากลำบาก  จากพระเจ้ามาเป็นมนุษย์ จากเจ้าของสวรรค์มาเป็นผู้ต่ำต้อยในโลก  ทรงยอมเพราะรักและห่วงใยมนุษย์ทุกคน  ในชีวิตของพระองค์นั้นต้องทนทุกข์ลำบาก ถูกใส่ร้ายป้ายสี และถูกประหารชีวิตอย่างอยุติธรรม  แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ปรากฏชัดว่า พระเยซู เป็นผู้บริสุทธิ์ ทรงเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง และมีผู้คนทั่วโลกเชื่อในพระองค์
โลกนี้ต้องการคนอย่างพระเยซู ที่ยอมทำในสิ่งที่ต่ำต้อย ยินดีเริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อย มาเกิดเป็นเด็กทารกแล้วค่อยเติบใหญ่ในภายหน้า ยอมอดทน ยอมรับการฝึกฝน ขัดเกลา  จนถึงเวลาอันสมควร จึงแสดงตนอย่างเปิดเผย ในฐานะ “พระเมสสิยาห์” หรือ “พระคริสต์” ผู้ถูกแต่งตั้งไว้เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด แม้จะต้องสละชีวิตก็ยินยอม
พระคัมภีร์บันทึกว่า...พระเยซูก็ได้จำเริญขึ้นในด้านสติปัญญา   ในด้านร่างกาย   และเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้า   และต่อหน้าคนทั้งปวงด้วย  (ลูกา 2:52)
คนทุกวันนี้อยากได้ อยากมี อยากเป็นอย่างรวดเร็วทันใจ แม้จะเป็นด้วยทางลัด ทางลวง จึงทำให้ ปัญหาและความวุ่นวายต่างๆ  เกิดขึ้นไม่เว้นวัน
ขอให้เราเป็นเหมือนพระเยซู คือ เจริญขึ้นทุกด้าน เป็นพอใจทั้งมนุษย์ และพระเจ้า

พระเจ้าต้องการให้ทุกคนเป็นคนสำคัญและดีเด่น ที่มีคุณสมบัติพร้อมจะใช้การได้ และมีจิตใจที่เชื่อมั่นศรัทธาตามพระบัญชาของพระองค์  ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือ เด็ก ขอให้เป็นคนที่สามารถจะใช้ในการดีได้เหมือนกับ โยเชฟ มารีย์ และ พระเยซู  เพื่อช่วยให้โลกนี้พบทางรอด มีความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองสืบไป

“สุขสันต์คริสตมาส” ครับ

05 ธันวาคม 2554

ชีวิตที่มี “พ่อ” โดย บัณฑิต ดาแว่น

คิดอย่างบัณฑิต  โดย  บัณฑิต  ดาแว่น 

ชีวิตที่มี “พ่อ”

ทุกคนล้วนมีพ่อ ผู้ให้กำเนิด  หลายคนเป็นพ่อแล้ว หลายคนอยากเป็นพ่อแต่ไม่มีลูก หลายคนเป็นพ่อโดยไม่ตั้งใจ ไม่เต็มใจ 
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ที่ทรงครองราชย์ 60 กว่าปีมาแล้ว ทรงมีมากว่า 4,000 โครงการ ที่ได้ช่วยพสกนิกรของพระองค์  ทรงเป็นพ่อที่รักลูก และมีลูกที่เป็นคนไทยรักพระองค์มากมายเช่นกัน
ขอบพระคุณสำหรับ “พระบิดานิรันดร์” ที่เป็นต้นกำเนิดของ บิดา ทั้งมวล คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ที่มีนามว่า “พระเยซูคริสต์”  ดังพระวจนะที่กล่าวว่า...
ต้นกำเนิดของคำว่า “บิดา” มาจาก พระเจ้า
14เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา 15(คำว่า  บิดา  ของทุกตระกูล  ทุกชาติ   ในสวรรค์ก็ดี  ที่แผ่นดินโลกนี้ก็ดีมาจากคำว่า   พระบิดา) (อฟ.3.14-15)
พระเยซูคริสต์ เป็น องค์พระบิดานิรันดร์  มีคำพยากรณ์ก่อนจะมาเกิดกว่า 700 ปี

 
6ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา    มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา  
  และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน   และท่านจะเรียกนามของท่านว่า     “ที่ปรึกษามหัศจรรย์  พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์    พระบิดานิรันดร์  องค์สันติราช”
  (อสย.9.6)
พระเยซูสอนให้สาวก(ผู้เชื่อ)อธิษฐานต่อ “พระบิดา”
  9“ท่านทั้งหลาย   จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า   ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์
 ทั้งหลาย  ผู้ทรงสถิตในสวรรค์    ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
...  (มธ.6.9)

          จากคำสอนพระคัมภีร์ที่กล่าวมา แสดงให้เห็นความรักของพระเจ้า พระบิดา ที่มีต่อชีวิตของมนุษย์ทุกคน เมื่อชีวิตมีพ่อ ก็มีความมั่นใจได้ว่า...

1.  ชีวิตมีที่มาที่ไป ที่อยู่ ที่แน่นอน
          ชีวิตมีหลักแหล่งเมื่อมีครอบครัวที่มั่นคง  ชีวิตมีที่มาที่ไป ที่อยู่ที่แน่นอน เมื่อมีพระเจ้าเป็นพระบิดา แต่หากขาดครอบครัวชีวิตก็ขาดหลักแหล่ง  คนที่เป็นพ่อ มักจะใช้เกณฑ์การตัดสินใจว่า “คนที่ไม่มีหลักแหล่ง ไม่มีความมั่นคงแน่นอน ไม่สามารถจะยกลูกสาวให้” จริงหรือไม่ ?
          ชีวิต และสังคม มีปัญหาเพราะ ลูกขาดพ่อ หรือขาดแม่ ทุกวันนี้มีครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น  เด็กขาดที่พึ่ง ขาดหลักแหล่งที่แน่นอนมากขึ้น
สถิติปี พ.ศ. 2550-2554 พบว่าแต่ละปี มีการหย่าร้าง 1 ใน 3 คู่  และแนวโน้มจะสูงมากขึ้น  หมายความว่า แต่งงานร้อยคู่ จะมีการหย่าร้างกันถึง 30 คู่ อีก 10 กว่าคู่กำลังทะเลาะกันอยู่ และอีกหลายคู่กำลังนอนกันคนละห้องคนละมุม  เด็กหลายคนเกิดมา ลำดับญาติพี่น้องของตนเองไม่ค่อยถูก เพราะพ่อแม่แต่งงานหลายรอบและกับหลายคน  นี่ยังไม่นับรวมการแต่งงานโดยไม่จดทะเบียนอีกมากมาย โดยสังเกตจากสถิติ ปี 2552 มีครอบครัวที่เป็นครอบครัวเดี่ยว ที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกเพียงคนเดียวถึง 2.5 ล้านครอบครัว สาเหตุมาจากการหย่าร้างเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือพ่อหรือแม่เสียชีวิต
พญ.อำไพขนิษฐ สมานวงศ์ไทย จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลศรีธัญญา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัญหาครอบครัวแตกแยกถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวเกิดอาการซึมเศร้า ซึ่งเกิดจากปัจจัยที่ 1 คือ ความขัดแย้ง  ปัจจัยที่ 2 คือ สัมพันธภาพในครอบครัวที่ไม่ปกติ ก่อให้เกิดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ที่อาจจะเกิดจากสัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่ของฝ่ายหนึ่งกับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น แม่สามีลูกสะใภ้ พ่อภรรยากับลูกเขย ญาติพี่น้องของทั้ง 2 ฝ่าย ปัญหาเรื่องการเงิน การนอกใจ การใช้ความรุนแรง การติดอบายมุข รวมไปถึงปัญหาที่เกิดจากบุตร เป็นต้น (แหล่งที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/23616  ค้นเมื่อ 14 พ.ย.2554)       
          ขอบคุณพระเจ้า มนุษย์ทุกคน มีหลักแหล่งที่แน่นอน เพียงแต่ว่าจะรู้จักหลักแหล่งของตนเองอย่างแท้จริงหรือไม่เท่านั้นเอง  คนเราแสวงหาพระ-เจ้า แต่ไม่รู้อย่างแท้จริงว่า พระเจ้าองค์เที่ยงแท้เป็นใคร จึง จารึกว่า “แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก” (กจ.17.23) คล้ายกับความรู้สึกของคนที่บูชา “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก”
          หากเรารู้จักพระเจ้า พระบิดา อย่างแท้จริง ชีวิตจะมีหลักแหล่ง เชื่อถือได้ มั่นใจได้ มีที่มาที่ไป ที่อยู่ที่แน่นอน  ดังที่พระเยซูสัญญาไว้  (ยน.14.1-6) ทั้งในวันนี้และสืบไป
1“อย่าให้ใจท่านทั้งหลายวิตกเลย   ท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย 2ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก   ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว   เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย 3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว   เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา   เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4และท่านรู้จักทางที่เราจะไปนั้น”

2.  ชีวิตมีที่พึ่งที่หวังอย่างแท้จริง
          มนุษย์ต้องการที่พึ่งที่หวัง เรามีการบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งที่คิดว่าจะช่วยได้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถยินยันได้ว่า เป็นที่พึ่งที่หวังได้อย่างแท้จริง 
          สังคมไทยรู้สึกหมดหวังกับครอบครัว กับสังคม กับการเมืองมาครั้งแล้วครั้งเล่า  ยิ่งช่วงเวลาที่น้ำท่วมครั้งใหญ่ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึง ธันวาคม 2011 เริ่มตั้งแต่ที่เชียงใหม่ ไล่ลงไปถึงภาคกลางและกรุงเทพฯ มีความเสียหายอย่างมาก ผู้คนเสียชีวิตกว่า 600 คน  หลายคนผิดหวังกับคำว่า “เอาอยู่” แต่สุดท้ายก็ “เอาไม่อยู่”
          ผู้หญิงหลายคนหวังพึ่งตัวผู้ชายบางคน แต่สุดท้ายก็ผิดหวัง !!  หลายคนยอมรับว่า แม้แต่ตัวเองยังพึ่งไม่ได้เลย !
พระเยซูสอนให้ผู้เชื่ออธิษฐานต่อพระบิดาที่อยู่บนสวรรค์  ผู้ทรงได้ยินได้ฟัง และตอบคำอธิษฐานได้ สามารถเป็นที่พึ่งที่หวังได้   จากคำอธิษฐานที่พระเยซูสอน (มธ.6.9-13) ทำให้เห็นความหวัง  เรื่องความมั่นใจว่ามีผู้ฟังคำอธิษฐาน มีผู้จะทำให้สำเร็จทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก มีผู้ประทานอาหารเลี้ยงดูชีวิต มีผู้อภัยความผิดบาปให้ได้ มีผู้จะช่วยสานสัมพันธ์กันคนอื่นเมื่อมีข้อขัดแย้ง มีผู้ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย และที่สำคัญมีผู้มีฤทธิ์อำนาจสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ เป็นต้น
พระเจ้า พระบิดา ได้สำแดงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่เราอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว  เพียงแต่ว่าเราจะมารับเอาความรักของพระองค์  โดยยอมรับให้พระองค์เป็นพระบิดาของเราในชีวิตหรือไม่
พระเจ้า พระบิดา พร้อมประทานสิ่งดีของ ลูกของพระองค์เสมอ...
 9ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร   เมื่อเขาขอขนมปัง 10หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา 11เหตุฉะนั้น   ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาป   ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน   ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด   พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์   จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์  (มธ.7.9.11)
เราสามารถเป็นลูกของพระเจ้า พระบิดาได้ โดย เชื่อในพระเยซูคริสต์
12แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์   ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์   พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า 13ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ   หรือกาม   หรือความประสงค์ของมนุษย์   แต่เกิดจากพระเจ้า (ยน.1.12-13)
มนุษย์ทำไม่ได้ แต่โดยความรักของพระบิดา พระองค์สามารถช่วยเราได้

มาเป็นลูกของ “พ่อ” กันเถิดครับ !